อะไหล่รถที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด มีอะไรบ้าง

การดูแลรักษารถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆในรถยนต์นั้น มีการสึกหรอตามการใช้งานของมัน มาดูกันว่ามีอะไหล่ส่วนใดบ้างที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด

10 อะไหล่ในรถยนต์ ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด มีอะไรบ้าง

  1. น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง 

น้ำมันเครื่องเป็นปัจจัยหลักในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนดทุกครั้ง หรือหากพบว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท นั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องหมดอายุ  ให้ทำการเปลี่ยนก่อนกำหนดได้เลย

ระยะเวลาที่เราควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนั้นก็อยู่ที่ ทุกๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเครื่อง

  1. ผ้าเบรก 

ผ้าเบรกคือชิ้นส่วนหลักที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของรถ ควรมีการตรวจเช็คทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หากผ้าเบรกใกล้หมดจะมีเสียงดังเอี๊ยดเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรก หากผ้าเบรกหมดและไม่แก้ไข อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

  1. แบตเตอรี่

แบตเตอรี่มีทั้งแบบแห้งและเปียก ซึ่งแบบแห้งก็จะไม่ต้องดูแลรักษาใดๆตลอดอายุการใช้งาน แต่แบบเปียก จำเป็นต้องมีการเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับอยู่เสมอ 

ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2-3 ปีแล้วแต่การใช้งาน แบตเปียกควรเช็คน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

  1. ไส้กรองอากาศ 

ไส้กรองอากาศเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการกรองสิ่งสกปรกในอากาศก่อนเข้าไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งหากว่ามีสิ่งสกปรกอุดตันเป็นจำนวนมากก็จะทำให้การเผาไหม้นั้นไม่สมบูรณ์ ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ก็จะลดลง

ระยะเวลาในการเปลี่ยนไส้กรองอากาศนั้นอยู่ที่ระยะเวลา 1 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร และควรจะเป่าทำความสะอาดทุกๆ 3,000 – 5,000 กิโลเมตร

  1. น้ำมันเกียร์ และไส้กรองน้ำมันเกียร์

ระบบเกียร์มีชิ้นส่วนประกอบที่เป็นโลหะเข้าด้วยกันจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไป แบบ CVT หรือแบบ Dual-clutch ซึ่งระบบเกียร์นั้นจะมีการเคลื่อนที่ภายในตลอดเวลา จึงมีอัตราการสึกหรอสูง น้ำมันเกียร์เป็นสิ่งสำคัญในการลดการสึกหรอดังกล่าว

ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 20,000 – 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ

  1. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง

ชิ้นส่วนนี้จะสามารถพบได้ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นมีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกต่างๆ และน้ำที่มาพร้อมกับน้ำมันที่เราเติมตามปั๊ม หากไส้กรองตันและปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป จนแรงดันน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ไม่พอ จะส่งผลให้เครื่องยนต์มีอาการเร่งไม่ขึ้น กระตุก และสตาร์ทยากได้

แนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 2 ปี หรือ ทุกๆ 80,000 กิโลเมตร

  1. หลอดไฟต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟเลี้ยวต่างๆ ไฟตัดหมอก ควรตรวจเช็คอยู่เสมอว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ หากเสียหรือใช้การไม่ได้ ให้รีบเปลี่ยน

  1. สายพานไทม์มิ่ง

สายพานไทม์มิ่งเป็นสายพานหลักของเครื่องยนต์ หากเกิดการชำรุดหรือขาด จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์อย่างรุนแรง เมื่อรถวิ่งครบ 150,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง

  1. หัวเทียน

หัวเทียนส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก หากหัวเทียนเก่าจนเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์สะดุดทำงานได้ไม่เต็มที่

ควรเปลี่ยนหัวเทียนประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 100,000 กิโลเมตร

  1. ใบปัดน้ำฝน

ใบปัดน้ำฝน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานบ่อย แต่ก็ควรตรวจเช็คให้แน่ใจทุกครั้งโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน หากไม่สามารถรีดน้ำได้เหมือนปกติ ปัดไม่สะอาด หรือปัดแล้วเกิดรอยเป็นเส้นๆ ควรรีบเปลี่ยน ระยะเวลาในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนนั้นก็อยู่ที่เวลาประมาณ 1 ปี

การดูแลรักษารถยนต์ และอะไหล่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน อะไรชำรุดเสียหายก็ควรเปลี่ยนหรือซ่อม ไม่ควรมองข้ามหรือปล่อยผ่าน หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดความเสียหายที่มากขึ้น