เรื่อง

เกียร์ออโต้ ตำแหน่งต่างๆ ใช้อย่างไรบ้าง?

รถยนต์เกียร์อัตโนมัติกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากขับขี่นุ่มนวลและสะดวกสบาย เหมาะกับสภาพถนนในปัจจุบัน และยังช่วยควบคุมรถได้ดีขึ้น

ตำแหน่งต่างๆและตัวเลขของเกียร์ออโต้ คืออะไร

  1. P ย่อมาจาก Parking : เกียร์สำหรับจอดแบบล็อคล้อ หากจอดบนที่ลาดชัน ให้ใช้ร่วมกับการดึงเบรกมือ
  2. R ย่อมาจาก Reverse : เกียร์ถอยหลัง เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ รถจะถอยหลังได้เองอย่างช้าๆ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง เพราะจะทำให้รถถอยหลังอย่างเร็ว เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ ควรวางเท้าไว้ที่แป้นเบรกตลอดเวลา
  3. N ย่อมาจาก Neutral : เกียร์ว่าง สำหรับจอดรถแบบชั่วคราว เช่นจอดติดไฟแดง หรือจอดชะลอกรณีการจราจรติดขัด และยังสามารถใช้จอดไว้ในที่จอดรถตามห้าง โดยล้อจะไม่ถูกล็อค สามารถเข็นได้
  4. D ย่อมาจาก Drive : เกียร์หลัก สำหรับการขับขี่ปกติใช้สำหรับเดินหน้า เมื่อเกียร์อยู่ตำแหน่ง D รถจะออกตัวแล่นไปเองช้าๆ เมื่อเหยียบคันเร่ง เกียร์จะเปลี่ยนให้เองอัตโนมัติ เริ่มตั้งแต่เกียร์ 1 ไปถึงเกียร์สูงสุด โดยจะขึ้นอยู่กับความเร็วของรถ เน้นวิ่งทางราบเป็นหลัก

          – D3 เป็นเกียร์ที่เราจะใช้เมื่อต้องการเร่งเครื่องแซง เมื่อเกียร์อยู่ตำแหน่ง D3 เครื่องยนต์จะมีกำลังแรงมากขึ้นที่จะขับแซงคันหน้าได้ หรืออาจใช้เมื่อขับขึ้นทางชันเล็กน้อย เช่นขับขึ้นสะพาน

          – D2 เป็นเกียร์ที่จะใช้เมื่อขับรถขึ้น-ลงเนินที่ค่อนข้างชัน เช่นภูเขา หรือทางคดเคี้ยว หรือที่จอดตามห้างและอาคารสูงๆ

  1. S ย่อมาจาก Sport : เกียร์Sport มักจะมีในรถยนต์ออโต้รุ่นใหม่ๆ เกียร์นี้จะช่วยให้เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ช้าลง เครื่องยนต์ลากรอบมากกว่าปกติ รถจะมีกำลังมากขึ้น ไว้สำหรับเร่งแซง
  2. L ย่อมาจาก Low (หรือ D1) เป็นเกียร์ต่ำ ใช้ขับกรณีขึ้นภูเขา ลาดชันสูง รวมไปถึงการลงเขา รถจะใช้ความเร็วต่ำ ให้ความปลอดภัยได้มากกว่า

การใช้งานเกียร์อัตโนมัติอย่างถูกวิธีก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถ และช่วยยืดอายุเกียร์ให้สามารถใช้ได้ไปอีกยาวๆ 

เคลือบแก้ว คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง

เคลือบแก้ว หรือ Glass Coating คือการที่เรานำน้ำยาสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลิกา (Silica Dioxide) ซึ่งเป็นสารประกอบของ Quartz มาเคลือบที่ผิวรถ เป็นลักษณะเหมือนฟิล์มแก้วบางๆปกป้องสีรถ และให้ความเงางาม

ข้อดีของการเคลือบแก้ว

  1. ทำให้รถเงางามขึ้น นวัตกรรมการเคลือบแก้ว เพิ่มความเงางามของชั้นฟิล์มบนสีรถ ทำให้รถของคุณดูสวย เงางาม และโดดเด่นมากขึ้น
  2. ลดรอยขนแมวรอยขีดข่วน น้ำยาเคลือบรถมีการพัฒนาให้มีค่าความแข็ง เพื่อป้องกันสีรถได้ค่อนข้างดี ทำให้ป้องกันรอยขนแมว รอยขีดข่วนได้มากกว่าปกติ
  3. ลดการเกาะของน้ำ การเคลือบแก้ว ทำให้น้ำเกาะสีรถได้ยากขึ้น สังเกตง่ายๆ คือ จะเห็นหยดน้ำบนชั้นสีรถ มีลักษณะกลมนูน และกลิ้งได้ เคลือบแก้วจึงเปรียบเสมือนเกาะป้องกันชั้นผิวรถ
  4. ช่วยป้องกันสิ่งสกปรก  อย่างเช่นเศษหิน ดิน ทราย หรือมูลนก เคลือบแก้วช่วยลดการเกิดคราบฝังแน่นบนสีรถ ทำให้รถดูใหม่
  5. ช่วยยืดอายุการใช้งานสีรถ การเคลือบแก้ว ช่วยเพิ่มความทนทานต่อการชะล้าง แรงดันน้ำ ทำให้สีรถติดแน่น ช่วยยืดอายุความสดของสีรถ

ข้อเสียของการเคลือบแก้ว

  1. การเคลือบแก้วมีความยากในการทำ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์พิเศษ แต่การเคลือบแก้วควรให้ผู้เชี่ยวชาญทำ มิเช่นนั้นอาจทำให้เคลือบสีรถไม่สม่ำเสมอ
  2. มีราคาค่อนข้างแพง เพราะต้องใช้อุปกรณ์น้ำยาเคลือบเเบบพิเศษ มีความทนทาน และเงางาม ยิ่งทำให้การเคลือบแก้วมีราคาสูง
  3. การเคลือบแก้ว ไม่ได้ป้องกันริ้วรอยเสมอไป เคลือบแก้วได้ช่วยลดรอยขีดข่วน รอยขนแมวได้ดี แต่หากเป็นรอยขีดข่วนหนักๆ ก็ไม่สามารถป้องกันได้

เคลือบแก้วไปแล้วควรดูแลรักษาอย่างไร

รถที่เคลือบแก้วไปแล้ว สามารถล้างรถลงแวกซ์เคลือบเงาได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดสีรถด้วยเครื่องขัดสีรถรอบสูง หรือการขัดด้วยน้ำยาขัดสีรถประเภทที่มีส่วนผสมของผงขัด หรือ Compond เนื่องจากมีโอกาสที่จะขัดทำให้เคลือบแก้วหลุดได้