Tag Archive for: toyota krungthai

เรื่องที่ควรรู้สำหรับผู้ใช้รถกระบะ

ต้องยอมรับว่ารถกระบะเป็นประเภทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทยของเรานะครับ ไม่เพียงเพื่อใช้งานทางด้านพาณิชย์ หรือบรรทุกสิ่งของเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทุกวันนี้รถกระบะยังเป็นรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายกิจกรรม เนื่องด้วยรูปลักษณ์การออกแบบทั้งภายใน-ภายนอก และห้องโดยสารที่มีความสะดวกสะบายต่อผู้ใช้งาน พร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่ตอบสนองกับความต้องการได้หลากหลายรูปแบบการใช้งาน ซึ่งการใช้งานของรถกระบะนั้นอาจจะแตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ของแต่ละคน
ดังนั้นแล้วเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถกระบะนั้น วิธีการบำรุงรักษาหรือตรวจเช็คสภาพของรถกระบะอย่างสม่ำเสมอนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้รถของท่านมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และวันนี้เราโตโยต้า กรุงไทย ก็มีวิธีง่ายๆที่จะมาแนะนำ เพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น ส่วนจะมีอะไรกันบ้างนั้นเราไปดูกันเลยครับ

ห้องเครื่องยนต์ ไฮลักซ์ รีโว่

1.  หมั่นตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง
การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ถือว่าเป็นสิ่งแรกที่ทุกท่านผู้ใช้รถกระบะจำเป็นต้องตรวจก่อนเลยหลังจากการใช้งาน เพราะระดับน้ำมันเครื่องสามารถบ่งบอกได้ว่ารถของท่านควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้วหรือยัง ซึ่งวิธีการตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องในรถกระบะของท่านนั้นก็เป็นเรื่องง่ายๆ เลยก็คือ ท่านต้องเตรียมทิชชู่เพื่อเอาไว้เช็ดคราบน้ำมันจากก้านวัดก่อน วิธีปฏิบัติคือ ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องซึ่งจะอยู่บริเวณใกล้กับฝาที่ใส่น้ำมันเครื่อง ให้ท่านทำการเช็ดคราบน้ำมันจากก้านก่อนรอบแรก แล้วเสียบกลับที่เดดิมอีกครั้ง แล้วดึงก้านออกมาดู แล้วให้สังเกตุว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระดับไหน ซึ่งก้านวัดจะมีระดับขีดบอกอยู่ คือ max-min หรือขีดล่าง L (Min) ขีดบน F (Max) ถ้าหากระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างทั้งสองขีดนี้แสดงว่าปกติ และหากปริมาณน้ำมันเครื่องสีดำมาก และอยู่ต่ำกว่าขีด L หรือสูงกว่าขีด F มากเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้  และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆระยะ 5,000-10,000 กิโลเมตร หรือตามรถยนต์แต่ละรุ่นที่กำหนดไว้ในคู่มือรถ และขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานด้วย

2.  เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ
สำหรับข้อนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ท่านได้ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง (จากข้อ1) ให้พิจารณาว่าสมควรที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยให้สังเกตจากสีของน้ำมันเครื่องว่าในขณะนั้นเป็นสีดำมากน้อยแค่ไหน (วิธีเช็คจากข้อ 1) และโดยทั่วไปแล้วระยะของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่นั้นจะอยู่ที่  5,000-10,000 กิโลเมตร โดยประมาณ ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องของการช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ของท่านได้เป็นอย่างดีเลยครับ

3. น้ำยาหล่อเย็น
น้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำยาคูลแลนท์ (Coolant) ที่เหมาะสมต้องออกสีเขียวและปริมาณของน้ำยาต้องอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งต้องไม่อยู่ในระดับต่ำ (Low) ในถังบรรจุน้ำยาหล่อเย็นเกินไป และสีของน้ำยาต้องไม่ออกเป็นสีดำจนเกินไป ซึ่งถ้าตัวน้ำยาหล่อเย็นสีเขียวๆกลายเป็นสีดำเมื่อไหร่ แนะนำให้ท่านนำรถของท่านเข้าที่ศูนย์บริการฯใกล้บ้านท่าน เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คอย่างระเอียด เพราะศูนย์บริการมีเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานและทันสมัย เพื่อป้องกันและเป็นการถนอมการใช้งานของระบบความเย็นของเครื่องเย็นให้มีอายุการใช้งานให้ยาวนานต่อไป

4. การสลับยางรถยนต์ตามระยะ
ทำไมถึงต้องสลับยางรถยนต์ตามระยะ?.. เพราะบางท่านใช้งานรถกระบะก็จะแตกต่างกัน และโดยธรรมชาติแล้ว ยางที่อยู่ล้อหน้านั้นมีโอกาสที่จะสึกหรอก่อนมากกว่ายางหลัง เพราะมาจากการเบรกของรถกระบะส่วนใหญ่ที่มีระบบเบรกอยู่ล้อหน้าเป็นหลักนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการขับขี่ของแต่ล่ะท่านด้วยน่ะครับ ดังนั้นแล้วเพื่อเป็นการถนอมยางให้มีอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น เราควรสลับยางรถยนต์ตามระยะการใช้งาน อย่างเช่น รถของท่านเปลี่ยนยางใหม่ ซ่งมีการใช้งานไปประมาณ 10,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 6 เดือน ท่านก็ควรนำรถของท่านเข้ารับการบริการที่ศูนย์บริการหรืออู่บริการ ใกล้บ้าน

5. พื้นปูกระบะลายเนอร์
ปกติแล้วพื้นปูกระบะลายเนอร์ เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป ซึ่งแน่นอนส่วนใหญ่รถกระบะก็จะมีพื้นปูกระบะทุกคันอยู่แล้ว และหลายคนก็มองข้ามในเรื่องการดูแลรักษาไปด้วยเช่นกัน เราควรมีการถอดพื้นปูกระบะลายเนอร์ออกมา เพื่อทำความสะอาดตัวกระบะของเราอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากพื้นปูกระบะลายเนอร์นี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ กระบะเราเกิดสนิมได้ เพราะใต้พื้นกระบะลายเนอร์ ไม่ได้รับแสงแดด และมีสิ่งปฎิกูลต่างๆหมักหมมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความชื้นสะสมอยู่เป็นเวลานาน เป็นสาเหตุของการเกิดสนิมกัดกร่อนตัวกระบะเรา เป็นภัยเงียบที่เราไม่ควรมองข้ามนะครับ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีการตรวจเช็ค และการบำรุงรักษารถกระบะเบื้องต้นที่ทางโตโยต้า กรุงไทย ได้นำมาฝากกันนะครับ หรือหากท่านใดที่ไม่มีเวลาและไม่สามารถทำด้วยตัวเอง ก็สามารถนำรถยนต์ของท่านมาเข้ารับการตรวจเช็คเบื้องต้นที่ศูนย์บริการมาตรฐาน และอะไหล่ ของโตโยต้า กรุงไทย ได้ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สำนักงานใหญ่ รามอินทรา (กม.9), สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชั่น ซึ่งทางเรามีบริการ ตรวจเช็คทันใจใน 60 นาที (Express Maintenance) และเรามีช่างผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาฟรีครับ สามารถนัดหมายล่วงหน้าเพื่อนำรถเข้าเช็คระยะตามกำหนด ได้ที่ 0-2510-999 กด9


ติดตามข่าวสาร โปรโมขั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่ใช้รถเกียร์ธรรมดา

รถเกียร์ธรรมดา มี 5 ข้อที่ต้องห้ามทำ

รถเกียร์ธรรมดา มี 5 ข้อที่ต้องห้ามทำ

1. ไม่เหยียบคลัทช์ค้างไว้ขณะจอดติดไฟแดง

ถึงแม้ว่าท่านผู้รักรถยนต์จะขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาส่วนใหญ่จะใส่เกียร์ว่างขณะรถจอดติดไฟแดง เพราะไม่อยากเหยียบคลัทช์ให้เมื่อยขา แต่บางคนก็เลือกที่จะเข้าเกียร์พร้อมกับเหยียบคลัทช์ค้างเอาไว้ในบางโอกาส เนื่องจากต้องการความรวดเร็วในการออกตัว แต่การเหยียบคลัทช์ค้างไว้นั้น จะทำให้ลูกปืนคลัชท์เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น ทางที่ดีจึงควรใส่เกียร์ว่างทุกครั้งเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งดีกว่าครับ

2. ใช้เกียร์สูงขณะที่ความเร็วต่ำ

ท่านผู้รักรถยนต์ไม่ควรใช้เกียร์สูงในขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ อย่างเช่น ท่านกำลังใช้เกียร์ 5 ขณะที่ท่านขับขี่ด้วยความเร็วต่ำเพียง 40 กม./ชม. โดยเฉพาะการเหยียบคันเร่งจมมิด เพราะจะเป็นการฉุดกำลังเครื่องยนต์ เร่งไม่ขึ้น อีกทั้งยังเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุอีกด้วย ทางที่ดีควรใช้ตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมในแต่ละย่านความเร็วครับ

3. ไม่ควรวางมือไว้บนคันเกียร์

หลายท่านมักจะเกิดความเคยชินด้วยการใช้คันเกียร์เป็นที่พักมือทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ซึ่งในกรณีเกียร์ออโต้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับเกียร์ธรรมดานั้น หากกดน้ำหนักมือมากจนเกินไป จะสร้างแรงกดไปยังก้ามปูเกียร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหลวมจนเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรดังนั้นแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือ ไม่ควรวางมือไว้บนคันเกียร์ เลยจะดีที่สุดครับ

4. ไม่เร่งเครื่องขณะจอดติดทางชัน

ถ้าหากท่านผู้รักรถยนต์ได้จอดติดบนทางชันนั้น ท่านไม่ควรใช้วิธีเร่งเครื่องเพื่อป้องกันรถไหล เพราะอาจทำให้คลัทช์ไหม้ได้ ทางที่ดีควรเหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง แล้วจึงดึงเบรกมือค้างไว้ หากกลัวว่ารถจะไหลไปข้างหลังขณะออกตัว ให้ใช้วิธีดึงเบรกมือจนสุด เร่งเครื่องยนต์ตามปกติ จากนั้นจึงปลดเบรกมือลง จะช่วยให้รถไม่ไหลลงทางชัน แต่ทางที่ดีควรฝึกขับเกียร์ธรรมดาให้คุ้นชิน เพื่อจะได้กะระยะปล่อยคลัทช์ได้อย่างแม่นยำครับ

5. ไม่วางเท้าบนแป้นคลัทช์

เป็นข้อห้ามสุดคลาสสิกสำหรับรถเกียร์ธรรมดาเลยก็ว่าได้ เพราะการวางเท้าบนแป้นคลัทช์ด้วยน้ำหนักมากจนเกินไป จะทำให้ชุดคลัทช์เกิดการเสียดสีจนทำให้คลัทช์หมดได้ บางกรณีอาจทำให้เกิดอาการคลัทช์ไหม้ได้อีกด้วยจะสังเกตได้จากกลิ่นนั้นเองครับ

     เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับวิธีที่ทางทีมงานได้นำมาแนะนำกันในบทความนี้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ท่านผู้รักรถยนต์เองก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองครับ ซึ่งถ้าหากรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น จนผู้ที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติต้องอิจฉาแน่นอนครับ ท่านสามารถพบกับบทความแบบนี้ ซึ่งจะมาพร้อมกับ เกร็ดความรู้รถยนต์ ที่มี สาระความรู้รถยนต์ สำหรับคราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นต้องคอยติดตามกันครับ

      นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย


โปรแรงๆ ขวัญใจ กระบะ Revo


ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

ระบบ TELEMATICS ใน รถยนต์โตโยต้า C-HR คืออะไร ?

ระบบ T-Connect Telematics

ระบบ T-Connect Telematics

หลายท่านคงสงสัยกับนวัตกรรมใหม่ของรถยนต์โตโยต้าโดยเฉพาะรุ่น C-HR ที่มีเทคโนโลยีใหม่นั่นก็คือ ระบบ T-Connect Telematics แล้วท่านรู้ไหมครับว่า ระบบนี้มันคืออะไร มีประโยชน์การใช้งานและการทำงานอย่างไร บทความนี้ทางทีมงานโตโยต้า กรุงไทย จะพาไปทำความรู้จักกับระบบนี้กันครับ

ระบบ T-Connect Telematics นี้มีหลักการทำงานคือ เป็นการเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลทางไกลผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กับแอพพลิเคชั่น T-Connect  เป็นอีกหนึ่งการเชื่อมต่อรถยนต์ของคุณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยผ่านฐานข้อมูลหลัก และยังสามารถระบุตำแหน่งของรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ Telematics นี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีค่าใช้จ่ายรายปีหรือตามแพ็คเกจ   และมีฟังก์ชั่นบริการดังนี้ 

1. หาพิกัด (Find my Car) ในระบบ Telematics ที่มากับโตโยต้า C-HR นั้น จุดประสงค์เพื่อป้องกันรถหายนั่นเองครับ โดยเจ้าตัวระบบ Find my Car จะทำการบอกตำแหน่งที่ตั้งของรถที่จอดอยู่เพื่อให้เจ้าของรถทราบว่าตอนนี้รถของท่านกำลังจอดอยู่ที่ไหนนั่นเอง

2. ประกันภัยจ่ายตามระยะ (Pay as you Drive) คุณสมบัติของระบบนี้อีกอย่างก็คือ ให้เลือกใช้ประกันภัยแบบ “ขับน้อย จ่ายน้อย” ข้อเสนอการคุ้มครองสุดพิเศษให้คุณจ่ายตามการใช้งานจริง *สำหรับการทำประกันภัยกับบริษัทฯ ที่กำหนดไว้เท่านั้น *

3. ระบบการช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน (SOS) ในส่วนของระบบการช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าตัวระบบนี้จะเป็นระบบที่ให้ผู้ใช้รถยนต์ที่มีปัญหากลางทางไม่ว่าจะเวลาไหน (ตลอด 24 ชั่วโมง) สามารถติดต่อกับขอความช่วยเหลือได้ตลอด *แน่นอนว่าบางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม * 

4. แจ้งเตือน (Parking Alert) คุณสมบัติของระบบนี้คือใช้ได้จริงกับระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือ รถกำลังถูกเคลื่อนที่นั่นเองครับ

5. การหาตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกขโมย (Stolen Vehicle Tracking) คุณสมบัติของระบบตัวนี้คือ เป็นระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรมและ ศูนย์บริการ ที่พร้อมให้ช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่รถยนต์ของคุณถูกขโมยไป

6. สัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟ (My Toyota Wi-Fi) อีก 1 ตัวเด็ดของระบบ T-Connect Telematics ที่มีในรถโตโยต้านั่นก็คือ Wi-Fi ในรถที่ท่านสามารถเชื่อมต่อความบันเทิงออนไลน์ ได้พร้อมกัน สูงสุด 9 อุปกรณ์ *ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแพ็กเกจ * 

7. ระบบช่วยค้นหาเส้นทาง OPS (Operator Service) ในส่วนของระบบช่วยค้นหาเส้นทางนั้นเป็นระบบที่ท่านสามารถ ค้นหาเส้นทางได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งบริการจองร้านอาหารชั้นนำ เพื่อความสะดวกสบายทุกการเดินทาง และสนุกไปกับการเดินทางแบบ Live Alive

8. ระบบนำทาง (Navigator) ในส่วนของระบบนำทางแบบ Navigator ที่มาพร้อมในรถของโตโยต้า รุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็น Toyota Fortuner, Toyota Camry, Toyota C-HR พร้อมแสดงการข้อมูลจราจรให้ท่านได้ถึงจุดหมาย ได้อย่างสะดวกรวดเร็วและแม่นยำดียิ่งขึ้น

สำหรับรถยนต์โตโยต้า C-HR มีทั้งหมด 4 รุ่น ซึ่งเทคโนโลยี T-Connect Telematics จะมีอยู่ในรถยนต์โตโยต้า C-HR เฉพาะรุ่น HV Hi, HV Mid และมีในรถยนต์รุ่นต่างๆที่กล่าวข้างต้น (ข้อ 8 ระบบนำทาง Navigator)

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทางทีมงานโตโยต้า กรุงไทย ก็อยากจะแนะนำให้ท่านเป็นเกร็ดความรู้ และเทคนิคยานยนต์ ที่ให้ท่านได้รู้ถึงประโยชน์และความสามารถของระบบ T-Connect Telematics ในรถยนต์โตโยต้า C-HR ที่ทางเราได้มีไว้จัดจำหน่ายแล้วทุกสาขา (สาขารามอินทรา สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชัน) แล้วครับ นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

การดูแลรักษาสีรถยนต์ด้วยตัวเอง

การดูแลรักษาสีของรถยนต์

การดูแลรักษาสีของรถยนต์ Revo

  1. ฝุ่นควันและสิ่งสกปรก ในส่วนของการดูแลส่วนนี้แนะนำให้ล้างรถเพื่อล้างคราบสกปรกออก ซึ่งวิธีนี้เป็นการดูแลรักษาสีของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
  2. การล้างรถ เหตุผลข้อนี้เพื่อป้องกันจากคราบเศษวัสดุต่างๆที่ต้องเจอบนท้องถนน ซึ่งการล้างรถที่ดีนั้นควรใช้น้ำยาล้างรถเพื่อล้างคราบสิ่งสกปรกด้วย เพื่อเป็นการถนอมสีของรถยนต์ให้มีความสดใหม่อยู่ตลอด โดยวิธีการล้างที่ถูกต้อง ควรล้างจากด้านบนไล่ลงมาด้านล่างเสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้ และที่โล่งแจ้งที่ไม่มีอะไรกำบัง สาเหตุก็เป็นเพราะแดด ฝน และลม นั้นจะทำให้สีรถของท่านซีดอย่างรวดเร็ว และการจอดใต้ต้นไม้ก็อาจจะทำให้มีเศษกิ่งไม้ ยางจากใบไม้ และมูลสัตว์จากแมลงต่างๆหล่นใส่ของท่าน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้สีของรถยนต์ท่านเสื่อมสภาพเร็วนั่นเอง
  4. ยางมะตอย คือศัตรูตัวฉกาจ ที่จะทำให้สีรถของท่านเสื่อมเร็วกว่ากำหนดและเป็นสิ่งที่ทำร้ายสีรถ ชนิดที่ท่านอาจจะปวดหัวเลยทีเดียว ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ดี คือหลังจากที่มีการใช้งานรถผ่านในเส้นทางทีมีการราดยางมะตอยเสร็จใหม่ๆ ให้ท่านทำการล้างรถโดยการน้ำฉีดบริเวณที่ยางมะตอยติด เพื่อให้ยางมะตอยอ่อนตัวลง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำมันสนหรือสเปรย์ขจัดคราบ ค่อยๆเช็ดบริเวณรอยเปื้อนคราบยางมะตอยจะหลุดออกอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นล้างรถบริเวณที่รอยเปื้อนอีกครั้ง และใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดตามปกติ เพียงเท่านี้สีรถของท่านก็จะกลับมาสวยงามอีกครั้ง
    ข้อสำคัญคือ อย่าปล่อยให้ยางมะตอยติดกับสีรถของท่านเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้สีรถของท่านเกิดความเสียหาย และล้างออกได้ยากขึ้นกว่าเดิม
  5. การขัดเคลือบสี สำหรับท่านที่ใช้รถมานานๆแล้ว อย่างน้อยต้องมีการขัดเคลือบสีรถของท่านอย่างน้อยปีล่ะ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานของรถ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการการดูแลรักษาสีรถด้วยตัวท่านเองที่ทางทีมงาน
โตโยต้า กรุงไทย ได้แนะนำ เพื่อให้สีรถที่ดูสดใสและสะอาดไปได้ยาวนาน อาจเป็นเรื่องที่ต้องเสียเวลาสักหน่อย แต่ก็ช่วยรักษาสีรถยนต์ของเราให้มีอายุยาวนานขึ้นได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ท่านสามารถนำรถของท่านมาใช้บริการได้ทั้ง 3 สาขา โตโยต้า กรุงไทย สาขารามอินทรา, สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และ สาขาตลิ่งชัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

ระบบการควบคุมการทรงตัว VSC ใน Toyota Camry

ระบบการควบคุม VSC

ระบบการควบคุม VSC

ระบบการควบคุม VSC หรือชื่อเต็มๆว่า Vehicle Stability Control ที่รถโตโยต้าได้ถูกติดตั้งมาในรุ่น Toyota Altis, Toyota Camry, Toyota Yaris Ativ, Toyota Yaris, Toyota Hilux Revo, Toyota Sienta, Toyota Innova Crysta, Toyota Fortuner ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ โตโยต้า ได้ผลิตออกมาเพื่อช่วยเพิ่มเสถียรภาพและควบคุมการทรงตัว โดยตัว ระบบการควบคุม VSC จะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อท่านได้ทำการสตาร์ทรถและจะทำงานร่วมกับระบบป้องกันการลื่นไถลแบบ TRC หรือ Traction Control System โดยการทำงานระบบจะใช้เซ็นเซอร์จับการหมุนของล้อร่วมกับระบบเบรกแบบ ABS ที่ได้ถูกติดตั้งไว้ใน รถโตโยต้า มาทุกรุ่น

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC

ขอขอบคุณรูปภาพจาก โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย)

ระบบการควบคุมการทรงตัว VSC จะทำงานอัตโนมัติทันทีที่เซ็นเซอร์จับสัญญาณได้ว่าตัวรถมีอาการลื่นไถลเมื่อล้อใดล้อหนึ่งมีอัตราการหมุนเร็วกว่าล้ออื่นๆ นั่นแสดงให้รู้ว่าล้อข้างนั้นเริ่มสูญเสียการเกาะถนน ระบบการทรงตัว VSC จะสั่งให้ปั๊มเบรก ABS สร้างแรงดันน้ำมันเบรกที่เหมาะสมไปยังล้อข้างนั้นเพื่อลดความเร็วในการหมุนของล้อนั้นและขณะเดียวกันก็ลด ความเร็วรอบเครื่องยนต์เพื่อให้เกิดแรงดึงตัวรถกลับมาอยู่ในทิศทางที่ต้องการซึ่งนั่นเป็นความปลอดภัยที่ดีไม่น้อยที่รถยนต์โตโยต้าที่ได้ติดตั้งระบบที่ช่วยควบคุมตัวรถได้เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ยามคับขันโดยเฉพาะการลื่นไถลบนถนนเปียกลื่นขณะเร่งแซงหรือในขณะเข้าโค้ง ……..ซึ่งสามารถพบได้ในชีวิตประจำวันและในช่วงฤดูหน้าฝนซึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่อย่างไรความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ท่านสามารถระวังไว้ได้

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย