เรื่อง

ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

การตั้งศูนย์รถ (Wheel Alignment) และการถ่วงล้อ(Tire Balance) คือ การปรับระบบการสั่นสะเทือนของรถในส่วนที่เชื่อมต่อกับล้อ รวมถึงการปรับมุมล้อที่สัมผัสพื้นถนนให้มุมต่างๆอยู่ในค่าปกติ ทิศทางถูกต้อง เพื่อให้ล้อรถซับแรงกระแทก และให้เราบังคับทิศทางของรถได้แม่นยำที่สุดขณะวิ่ง

ปกติแล้วการตั้งศูนย์ถ่วงล้อไม่มีกำหนดที่แน่นอน อาจทำการตั้งศูนย์ทุกครั้งที่นำรถเข้าตรวจเช็กสภาพก็ได้ หรือหากมีสัญญาณเตือนข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ควรรีบนำรถเข้าไปตั้งศูนย์ทันที

– ยางสึกหรอไม่เท่ากัน 

– พวงมาลัยกินไปทางซ้ายหรือขวา

– ขับรถตรงแต่พวงมาลัยไม่อยู่ตรงกลาง

– พวงมาลัยสั่นสะเทือน

การตั้งศูนย์ล้อรถต้องตั้งมุม 3 มุม ให้มีความสมดุล ได้แก่

มุมโท คือ มุมที่อยู่ในขอบเขตที่ทำมุมกับยางที่เอนเข้าด้านในหรือด้านนอกเมื่อมองจากด้านบน เป็นอีกหนึ่งมุมที่ต้องปรับเมื่อมีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่

มุมแคมเบอร์ คือมุมด้านในหรือด้านนอกของยางเมื่อมองจากด้านข้าง หากมุมแคมเบอร์เกิดเอียงไปด้านในหรือนอกมากเกินไปก็จะต้องทำการปรับเปลี่ยน เพราะหากไม่ปรับตั้งศูนย์ถ่วงล้อโดยปรับมุมแคมเบอร์ให้กลับมาปกติ ก็อาจส่งผลต่ออุปกรณ์อื่นๆ ของรถได้

มุมแคสเตอร์ คือมุมที่ช่วยให้คุณบังคับพวงมาลัย ควบคุมเสถียรภาพและเลี้ยวโค้งได้อย่างสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเป็นมุมในการวางตำแหน่งล้อโดยมองจากด้านข้างของรถ หากมุมแคสเตอร์เป็นบวกจะทำให้แกนพวงมาลัยเอียงไปทางคนขับ แต่ถ้าเป็นลบ พวงมาลัยจะเอนเอียงไปทางหน้ารถของคุณ  

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลยางรถยนต์ที่ถูกต้องด้วยเหตุผลเดียวกับการตั้งศูนย์ล้อ ซึ่งนั่นก็คือการป้องกันการสึกของดอกยางก่อนเวลาอันควร ทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยถนอมเครื่องยนต์ 

เกิดเหตุฉุกเฉิน รถยางแตกกลางทาง ควรทำอย่างไร

รถยนต์ยางแตกเป็นเหตุฉุกเฉินที่ผู้ขับขี่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัวแน่นอน อาจทำให้ผู้ขับขี่เกิดอาการตกใจ ควบคุมสถานการณ์ได้ยากลำบากและอาจเกิดเป็นอุบัติเหตุอื่นๆตามมาได้  

รถยางแตกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นยางเสื่อมสภาพ ยางหมดอายุการใช้งาน มีรอยปริแตก ฉีกขาด เกิดจากการบรรทุกของหนักเกินไป ขนาดยางที่ไม่พอดี ใช้ยางกับรถผิดประเภท หรือเหยียบของมีคมโดยไม่รู้ตัว 

ผู้ขับขี่ควรทำการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายางแตกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นผู้ขับขี่ควรสังเกตอาการเบื้องต้นของรถก่อนยางระเบิด อาทิเช่น เกิดอาการสั่นสะเทือนโดยไม่ทราบสาเหตุ รถเริ่มบังคับได้ยากโดยเฉพาะจังหวะเลี้ยว อาการเหล่านี้บ่งบอกว่ายางรถกำลังร้อนจัด และเริ่มบวมออกมา หากรถมีอาการดังกล่าวควรรีบหยุดรถและตรวจเช็คทันที 

วิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉิน รถยางแตกกลางทาง ควรทำอย่างไร

– หากยางแตกกลางทางโดยไม่ทันตั้งตัว สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ จับพวงมาลัยให้มั่นคงไว้ ห้ามดึงเบรกมือ เพราะจะทำให้รถหมุนเคว้งได้

– อย่าเหยียบเบรกกะทันหันเด็ดขาด ให้แตะเบรกเบาๆ และเปิดไฟฉุกเฉินเป็นสัญญาณเตือนรถที่มาข้างหลัง ว่ารถของเรากำลังมีปัญหา

– ประครองรถจนความเร็วลดลงในระดับที่ปลอดภัย และเข้าจอดข้างทาง

– เมื่อรถจอดในที่ปลอดภัยแล้ว ให้พิจารณาว่าควรเปลี่ยนยางอะไหล่เอง หรือโทรเรียกช่างมาดำเนินการให้ 

ยางแตกกลางทางอาจฟังดูน่ากลัว แต่ถ้ารับมือได้อย่างมีสติ ก็จะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ไปได้แน่นอน อย่างไรก็ตามการป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า ผู้ขับขี่ควรศึกษาวิธีการเปลี่ยนยางอะไหล่ และมีอุปกรณ์ซ่อมแซมกรณีฉุกเฉินติดรถไว้เสมอ

 

songkran_thumb_1200x628px

สงกรานต์ปลอดภัย เช็ครถฟรี 24 รายการ

songkran_thumb_1200x628px

สงกรานต์ปลอดภัย เช็ครถฟรี 24 รายการ

ศูนย์โตโยต้ากรุงไทย บริการตรวจเช็ครถคุณเพื่อเตรียมความพร้อมก่อน-หลังเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ พร้อมบริการตรวจเช็ครถฟรี 24 รายการ วันนี้ – 30 เมษายน 2562

รายการตรวจเช็ครถฟรี 24 รายการ ที่นี่ :: http://www.toyotakrungthai.com/promotions/songkran/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์โตโยต้ากรุงไทย ทุกสาขา โทร 0-2510-9999 หรือลงทะเบียนด้านล่างนี้


ลงทะเบียนเช็ครถฟรี

*วันนี้ถึง 30 เมษายน 2562

กรุณากรอกรายละเอียดของท่านให้ครบถ้วนเพื่อสิทธิประโยนช์ของตัวทานเอง

บีบแตรรถ

การบีบแตรบอกอะไรได้บ้าง?

บีบแตรรถ บอกอะไรได้บ้าง ?

การบีบแตรรถ

พบกันอีกเช่นเคย กับเรื่องราว สาระดีๆ เกี่ยวกับยานยนต์ วันนี้จะพูดถึงเรื่องบนท้องถนนกันบ้างครับ เชื่อว่าหลายท่านคงจะเคยสงสัยกันไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ ว่าเสียงแตรรถยนต์ที่เราได้ยินกันบ่อยๆบนท้องถนนนั้นมีหลายแบบ ซึ่งบางทีอาจจะทำให้เกิดความน่ารำคาญไปบ้าง แต่การบีบแตรรถยนต์สามารถบอกเราได้หลายๆอย่างเลยทีเดียว และที่สำคัญเจ้าแตรนี้หล่ะที่ทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเลยก็ว่าได้ อย่ารอช้าเราไปดูกันเลยดีกว่า ว่าการแบบแตรแต่ละชนิดบอกอะไรเราได้บ้าง

1) การบีบแตรแบบเบาและเสียงสั้น หมายถึง การทักทายกันบนท้องถนน เช่น “สวัสดียามเช้าอากาศสดใส ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วนะ” การบีบแตรในลักษณะนี้ ค่อนข้างจะสุภาพและเป็นมิตร ใช้วิธีการบีบแตรเบาๆและสั้นๆ ผู้รับรู้ก็จะได้รู้สึกสบายหูไปด้วยนั้นเอง

2) การบีบแตรแบบเสียงสั้นสองครั้ง หมายถึง การบีบแตรในลักษณะนี้ เพื่อเป็นการเตือนให้อีกฝ่ายทราบถึงตำแหน่งรถของเรา เพื่อระมัดระวังและลดการเกิดอุบัติเหตุด้วยนั่นเอง

3) การบีบแตรแบบเสียงดังยาว หมายถึง เป็นการบีบแตรที่ผู้ฟังอาจจะตกใจไม่มากก็เล็กน้อย แต่ข้อดีของมันคือการเร่งอีกฝ่ายให้ตื่นตัว ไม่เหม่อลอย ให้ระมัดระวังว่ากำลังจะเกิดเหตุอันตราย และอาจจะเป็นการช่วยเตือนให้เค้าตื่นจากอาการหลับในได้อีกด้วย

4) การบีบแตรแบบเสียงดังยาวซ้ำกันสองครั้ง หมายถึง การแบบแตรแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะผู้ที่ได้ฟังนั้นจะสามารถรับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การบีบแตรยาวๆซ้ำกันนั้นเป็นการเตือนว่ากำลังจะเกิดอุบัติเหตุแบบกะทันหัน ฉุกเฉิน นั้นเอง

อ่านกันไปแล้วสำหรับลักษณะการบีบแตรในแบบต่างๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหันกลับมาสนใจสัญญาณเตือนชนิดให้มากขึ้นนี้แล้ว ไม่เปิดเพลงดังจนเกินไป ทำให้เราไม่ได้ยินเสียงรอบข้างขณะขับขี่ การบีบแตรก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ การบีบแตรรถยนต์อย่างพร่ำเพรื่อก็อาจเป็นดาบสองคมก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เช่นกัน รู้อย่างนี้แล้วทีมงานโตโยต้า กรุงไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้ท่านใช้แตรอย่างมีสติ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมทาง เป็นมิตรกับเพื่อนร่วมทาง และยังขับขี่ปลอดภัย วันนี้หาเวลาซักนิดตรวจสอบสภาพรถของท่าน และสภาพการใช้งานแตรของท่านให้ใช้การได้อยู่เสมอ เพื่อถ้าเกิดเหตุด่วนขึ้นมาแตรก็จะช่วยเราได้มากเลยเช่นกัน ท่านสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ของท่านได้ที่ โตโยต้า กรุงไทย ทั้ง 3 สาขา ดังนี้ สาขารามอินทรา สาขาเกษตร และสาขาตลิ่งชัน ทางเรายินดีให้บริการอย่างครอบครัว

และนอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆเสริมอีกไม่ว่าจะเป็น : ศูนย์ซ่อมตัวถังและสีศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้ให้บริการให้กับท่านที่รักรถยานยนต์