เรื่อง

ระบบ T-Connect Telematics

ระบบ TELEMATICS ใน รถยนต์โตโยต้า C-HR คืออะไร ?

ระบบ T-Connect Telematics

ระบบ T-Connect Telematics

หลายท่านคงสงสัยกับนวัตกรรมใหม่ของรถยนต์โตโยต้าโดยเฉพาะรุ่น C-HR ที่มีเทคโนโลยีใหม่นั่นก็คือ ระบบ T-Connect Telematics แล้วท่านรู้ไหมครับว่า ระบบนี้มันคืออะไร มีประโยชน์การใช้งานและการทำงานอย่างไร บทความนี้ทางทีมงานโตโยต้า กรุงไทย จะพาไปทำความรู้จักกับระบบนี้กันครับ

ระบบ T-Connect Telematics นี้มีหลักการทำงานคือ เป็นการเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลทางไกลผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กับแอพพลิเคชั่น T-Connect  เป็นอีกหนึ่งการเชื่อมต่อรถยนต์ของคุณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยผ่านฐานข้อมูลหลัก และยังสามารถระบุตำแหน่งของรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ Telematics นี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีค่าใช้จ่ายรายปีหรือตามแพ็คเกจ   และมีฟังก์ชั่นบริการดังนี้ 

1. หาพิกัด (Find my Car) ในระบบ Telematics ที่มากับโตโยต้า C-HR นั้น จุดประสงค์เพื่อป้องกันรถหายนั่นเองครับ โดยเจ้าตัวระบบ Find my Car จะทำการบอกตำแหน่งที่ตั้งของรถที่จอดอยู่เพื่อให้เจ้าของรถทราบว่าตอนนี้รถของท่านกำลังจอดอยู่ที่ไหนนั่นเอง

2. ประกันภัยจ่ายตามระยะ (Pay as you Drive) คุณสมบัติของระบบนี้อีกอย่างก็คือ ให้เลือกใช้ประกันภัยแบบ “ขับน้อย จ่ายน้อย” ข้อเสนอการคุ้มครองสุดพิเศษให้คุณจ่ายตามการใช้งานจริง *สำหรับการทำประกันภัยกับบริษัทฯ ที่กำหนดไว้เท่านั้น *

3. ระบบการช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน (SOS) ในส่วนของระบบการช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าตัวระบบนี้จะเป็นระบบที่ให้ผู้ใช้รถยนต์ที่มีปัญหากลางทางไม่ว่าจะเวลาไหน (ตลอด 24 ชั่วโมง) สามารถติดต่อกับขอความช่วยเหลือได้ตลอด *แน่นอนว่าบางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม * 

4. แจ้งเตือน (Parking Alert) คุณสมบัติของระบบนี้คือใช้ได้จริงกับระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือ รถกำลังถูกเคลื่อนที่นั่นเองครับ

5. การหาตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกขโมย (Stolen Vehicle Tracking) คุณสมบัติของระบบตัวนี้คือ เป็นระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรมและ ศูนย์บริการ ที่พร้อมให้ช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่รถยนต์ของคุณถูกขโมยไป

6. สัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟ (My Toyota Wi-Fi) อีก 1 ตัวเด็ดของระบบ T-Connect Telematics ที่มีในรถโตโยต้านั่นก็คือ Wi-Fi ในรถที่ท่านสามารถเชื่อมต่อความบันเทิงออนไลน์ ได้พร้อมกัน สูงสุด 9 อุปกรณ์ *ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแพ็กเกจ * 

7. ระบบช่วยค้นหาเส้นทาง OPS (Operator Service) ในส่วนของระบบช่วยค้นหาเส้นทางนั้นเป็นระบบที่ท่านสามารถ ค้นหาเส้นทางได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งบริการจองร้านอาหารชั้นนำ เพื่อความสะดวกสบายทุกการเดินทาง และสนุกไปกับการเดินทางแบบ Live Alive

8. ระบบนำทาง (Navigator) ในส่วนของระบบนำทางแบบ Navigator ที่มาพร้อมในรถของโตโยต้า รุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็น Toyota Fortuner, Toyota Camry, Toyota C-HR พร้อมแสดงการข้อมูลจราจรให้ท่านได้ถึงจุดหมาย ได้อย่างสะดวกรวดเร็วและแม่นยำดียิ่งขึ้น

สำหรับรถยนต์โตโยต้า C-HR มีทั้งหมด 4 รุ่น ซึ่งเทคโนโลยี T-Connect Telematics จะมีอยู่ในรถยนต์โตโยต้า C-HR เฉพาะรุ่น HV Hi, HV Mid และมีในรถยนต์รุ่นต่างๆที่กล่าวข้างต้น (ข้อ 8 ระบบนำทาง Navigator)

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทางทีมงานโตโยต้า กรุงไทย ก็อยากจะแนะนำให้ท่านเป็นเกร็ดความรู้ และเทคนิคยานยนต์ ที่ให้ท่านได้รู้ถึงประโยชน์และความสามารถของระบบ T-Connect Telematics ในรถยนต์โตโยต้า C-HR ที่ทางเราได้มีไว้จัดจำหน่ายแล้วทุกสาขา (สาขารามอินทรา สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชัน) แล้วครับ นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

ยางรถเสื่อมไว

รู้ไว้ใช่ว่า….! 6 สาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์เสื่อมไวกว่าปกติ

ยางรถเสื่อมไว สาเหตุเกิดจาก ?

ยางรถเสื่อมไว

1. การเติมลมยางที่ไม่พอดี

เป็นเรื่องที่คนใช้รถยนต์ส่วนใหญ่มักจะเจออยู่เสมอซึ่งมีอยู่หลายสาเหตุ โดยสาเหตุคราวๆที่มักจะเจอกันบ่อยก็คือ การเติมลมยางที่เกินพอดี (ยางแข็งเกินไป) หรือเติมลมยางอ่อนกว่าเกณฑ์ ซึ่งสาเหตุพวกนี้มักจะมาจากการขาดความรู้เรื่องการดูแลรักษายาง ดังนั้นแล้วท่านใดที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการเติมลมยางแล้วควรต้องกลับมาเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย มีวิธีการเติมลมยางที่ถูกวิธีนั้นก็คือ ควรเติมลมยางตามคำแนะนำที่ติดไว้ข้างประตูฝั่งคนขับครับซึ่งในแต่ละรุ่นรถก็จะมีเกณฑ์การเติมลมต่างกันออกไป

ความดัน ลมยาง จำง่ายๆ ดังนี้

– รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมประมาณ 25 -30 ปอนด์
– รถยนต์ขนาดกลางถึงใหญ่ ควรเติมประมาณ 30 -35 ปอนด์
– รถกระบะ ควรเติมไม่เกิน 65 ปอนด์

การเติมลมยางรถยนต์คือเรื่องที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาด เพราะนั้นหมายถึงความปลอดภัยขณะขับขี่บนท้องถนนของคุณ

2. การที่รถทำการบรรทุกหนัก

ส่วนมากแล้วปัญหาการบรรทุกน้ำหนักเกินมักจะพบมากที่สุดในรถกระบะครับ ซึ่งการบรรทุกน้ำหนักเกินมากจนเกินไปทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัยและยังจะเพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการขับขี่บนท้องถนนมากขึ้นอีกด้วย เมื่อบรรทุกหนักยางก็จะถูกแรงกดทับมากจนเกินไปและทำงานหนักตามไปด้วย ส่งผลให้ยางมีปัญหาขณะขับขี่นั่นเอง

3. หลีกเลี่ยงการเบรกและออกตัวอย่างรุนแรง

          รถที่ออกตัวรุนแรงหรือมีการเบรกกระทันหัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางรถของท่านเกิดระเบิดขึ้นมาในระหว่างการขับขี่ได้และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ดอกยางรถยนต์ของท่านเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานที่กำหนดด้วยนั่นเอง

4. ขับขี่รวดเร็วมีแต่ผลเสีย

การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นอีก 1 ในสาเหตุของการเสื่อมสภาพของรถยนต์ ซึ่งการขับรถเร็วนั้นทำให้ยางพังไวกว่ากำหนดและที่สำคัญเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วยครับ นึกภาพง่ายๆ เลยเช่น เมื่อรถยนต์เลี้ยงเข้าโค้งด้วยความเร็ว แก้มยางด้านข้างของรถยนต์ที่แข็งเกินไปจะไม่สามารถสัมผัสพื้นถนนได้เต็มที่ นำมาซึ่งอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์ของท่านเสื่อมอายุการใช้งานเร็วกว่ากำหนดอีกด้วยครับ

5. เลี่ยงถนนที่ขรุขระเพื่อยืดอายุยาง

แม้ถนนที่ชำรุดจะเป็นเรื่องที่เรามักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม แต่เมื่อเราเจอถนนชำรุด ก็ควรที่จะขับขี่อย่างระมัดระวังยางรถยนต์ที่จะไปเสียดสีกับผิวถนน เป็นส่วนที่ทำให้ยางรถเกิดความสึกหรอได้เลยเช่นกัน ดังนั้นการขับขี่ใบพื้นถนนที่เลี้ยงไม่ได้ ก็ควรจะขับขี่อย่างช้าๆ เพื่อถนอมอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้นานที่สุด

6. ตั้งระบบศูนย์ล้อไม่ตรงกับขนาดของล้อรถยนต์

ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นปัญหาอันตรายที่ละเลยไม่ได้จริงๆ เรื่องการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบบ่อยของรถยนต์ที่ทำการดัดแปลงมาครับ เมื่อศูนย์ล้อไม่ตรงกับสเปรคของยาง ก็อาจจะเกิดแรงเสียดทานขึ้นมาได้ ดังนั้นท่านควรที่จะตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้ตรงกับขนาดของล้อที่ท่านใช้ครับ เพื่อความปลอดภัยในขณะขับขี่รถยนต์

เห็นแบบนี้แล้ว ท่านต้องหันกลับมาใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเรื่องการดูแลรักษายาง ซ่ะแล้ว เพราะยางรถเป็นส่วนสำคัญอันดับแรกที่เราละเลยไม่ได้เลยจริง ๆ

ทั้งหมดที่ได้เกริ่นมาข้างบนนี้ ทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย  ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อที่ท่านจะได้ถนอมอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้อยู่กับท่านได้นานขึ้น

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการ ศูนย์บริการทั่วไปและอะไหล่,  ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสี  ไว้บริการท่านอีกด้วย

Hilux Revo ECO Mode

ECO Mode ใน Hilux Revo มีดียังไงและทำงานอย่างไร

ECO Mode toyota revo

ECO Mode ในรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ มีดียังไง ?

สำหรับ ECO Mode ในรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ คือการปรับเครื่องยนต์ให้เข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ประหยัดขึ้นนั่นเอง ซึ่งวิธีการทำงานของปุ่ม ECO Mode คือ เมื่อมีการใช้งานใน ECO Mode แล้ว สัญญาณจะส่งไปยังกล่อง ECU ของตัวรถและสั่งการให้เครื่องยนต์ในโหมดประหยัด เช่น อัตราการฉีดของน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังห้องเครื่องก็จะฉีดน้อยลงเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน (ลดการกินน้ำมันลงนั่นเอง) ซึ่งในโหมดนี้ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของอัตราเร่งในรถยนต์ หมายความว่าเมื่อใดที่ท่านผู้ขับขี่เปิดการใช้งานโหมดนี้แล้วรถของท่านจะกดคันเร่งแล้วเร่งไม่ได้ไม่ได้ เพียงแต่โหมดจะทำการเร่งรอบเครื่องยนต์ให้ท่านก่อน หลังจากที่ท่านกดคันเร่งแล้ว ECO Mode ก็จะปรับรอบเครื่องยนต์ให้เครื่องยนต์กลับมาอยู่ในโหมดการขับขี่ที่ประหยัดอยู่นั่นเอง

การทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

การทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

หลักการทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

หลักการทำงานของไฟ ECO Mode ในหน้าจอของรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ คือเมื่อท่านทำการสตาร์ทเครื่องยนต์และมีการขับขี่ ไฟแสดงสถานะ ECO จะติดบนหน้าจอ MID แสดงให้เห็นว่าเป็นช่วงเวลาของการขับที่ประหยัดน้ำมัน เช่น ตอนเหยียบคันเร่งน้อยๆ หรือท่านกำลังค่อยๆ เหยียบคันเร่ง รวมไปถึงเมื่อการขับขี่ใช้ความเร็วคงที่และสม่ำเสมอ โดยที่ตัวเครื่องยนต์ไม่มีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนใดๆ ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อทำให้ประหยัดน้ำมันซึ่งใน รถโตโยต้า อย่างตัว โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว ขึ้นไปแล้ว ปุ่ม ECO Mode จะมีให้เลือกเปิดปิดได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ ซึ่งปุ่มควรคุมนั้นจะอยู่ตรงด้านขวาของคันเกียร์ สำหรับรถที่ใช้เกียร์ออโต้ แต่สำหรับเกียร์ธรรมดาจะอยู่ติดกับที่วางแก้วน้ำตรงกล่องเก็บของตรงกลางระหว่างผู้โดยสารและคนขับนั่นเอง

ไฟบ่งบอกถึงการทำงานอยู่ในโหมด ECO

สำหรับ ECO Mode ที่มีมากับรถยนต์ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว นั้นขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานของผู้ขับขี่ เพราะตัว ECO Mode นั้นได้ถูกออกแบบมาให้เครื่องยนต์มีการทำงานที่ประหยัดมากขึ้นจากเดิมแต่ถ้าจะให้ขับขี่ประหยัดจากโหมด ECO ไปอีกนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับขับขี่ในส่วนของบุคคลครับและท่านยังสามารถเข้ามาใช้บริการทดลองขับ ไฮลักซ์ รีโว หรือ Test Drive ได้ที่ โตโยต้า กรุงไทย สาขารามอินทรา, สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

การรักษาสีรถยนต์ด้วยตัวเอง

การดูแลรักษาสีรถยนต์ด้วยตัวเอง

การดูแลรักษาสีของรถยนต์

การดูแลรักษาสีของรถยนต์ Revo

  1. ฝุ่นควันและสิ่งสกปรก ในส่วนของการดูแลส่วนนี้แนะนำให้ล้างรถเพื่อล้างคราบสกปรกออก ซึ่งวิธีนี้เป็นการดูแลรักษาสีของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
  2. การล้างรถ เหตุผลข้อนี้เพื่อป้องกันจากคราบเศษวัสดุต่างๆที่ต้องเจอบนท้องถนน ซึ่งการล้างรถที่ดีนั้นควรใช้น้ำยาล้างรถเพื่อล้างคราบสิ่งสกปรกด้วย เพื่อเป็นการถนอมสีของรถยนต์ให้มีความสดใหม่อยู่ตลอด โดยวิธีการล้างที่ถูกต้อง ควรล้างจากด้านบนไล่ลงมาด้านล่างเสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้ และที่โล่งแจ้งที่ไม่มีอะไรกำบัง สาเหตุก็เป็นเพราะแดด ฝน และลม นั้นจะทำให้สีรถของท่านซีดอย่างรวดเร็ว และการจอดใต้ต้นไม้ก็อาจจะทำให้มีเศษกิ่งไม้ ยางจากใบไม้ และมูลสัตว์จากแมลงต่างๆหล่นใส่ของท่าน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้สีของรถยนต์ท่านเสื่อมสภาพเร็วนั่นเอง
  4. ยางมะตอย คือศัตรูตัวฉกาจ ที่จะทำให้สีรถของท่านเสื่อมเร็วกว่ากำหนดและเป็นสิ่งที่ทำร้ายสีรถ ชนิดที่ท่านอาจจะปวดหัวเลยทีเดียว ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ดี คือหลังจากที่มีการใช้งานรถผ่านในเส้นทางทีมีการราดยางมะตอยเสร็จใหม่ๆ ให้ท่านทำการล้างรถโดยการน้ำฉีดบริเวณที่ยางมะตอยติด เพื่อให้ยางมะตอยอ่อนตัวลง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำมันสนหรือสเปรย์ขจัดคราบ ค่อยๆเช็ดบริเวณรอยเปื้อนคราบยางมะตอยจะหลุดออกอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นล้างรถบริเวณที่รอยเปื้อนอีกครั้ง และใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดตามปกติ เพียงเท่านี้สีรถของท่านก็จะกลับมาสวยงามอีกครั้ง
    ข้อสำคัญคือ อย่าปล่อยให้ยางมะตอยติดกับสีรถของท่านเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้สีรถของท่านเกิดความเสียหาย และล้างออกได้ยากขึ้นกว่าเดิม
  5. การขัดเคลือบสี สำหรับท่านที่ใช้รถมานานๆแล้ว อย่างน้อยต้องมีการขัดเคลือบสีรถของท่านอย่างน้อยปีล่ะ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานของรถ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการการดูแลรักษาสีรถด้วยตัวท่านเองที่ทางทีมงาน
โตโยต้า กรุงไทย ได้แนะนำ เพื่อให้สีรถที่ดูสดใสและสะอาดไปได้ยาวนาน อาจเป็นเรื่องที่ต้องเสียเวลาสักหน่อย แต่ก็ช่วยรักษาสีรถยนต์ของเราให้มีอายุยาวนานขึ้นได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ท่านสามารถนำรถของท่านมาใช้บริการได้ทั้ง 3 สาขา โตโยต้า กรุงไทย สาขารามอินทรา, สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และ สาขาตลิ่งชัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

ระบบการควบคุม VSC

ระบบการควบคุมการทรงตัว VSC ใน Toyota Camry

ระบบการควบคุม VSC

ระบบการควบคุม VSC

ระบบการควบคุม VSC หรือชื่อเต็มๆว่า Vehicle Stability Control ที่รถโตโยต้าได้ถูกติดตั้งมาในรุ่น Toyota Altis, Toyota Camry, Toyota Yaris Ativ, Toyota Yaris, Toyota Hilux Revo, Toyota Sienta, Toyota Innova Crysta, Toyota Fortuner ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ โตโยต้า ได้ผลิตออกมาเพื่อช่วยเพิ่มเสถียรภาพและควบคุมการทรงตัว โดยตัว ระบบการควบคุม VSC จะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อท่านได้ทำการสตาร์ทรถและจะทำงานร่วมกับระบบป้องกันการลื่นไถลแบบ TRC หรือ Traction Control System โดยการทำงานระบบจะใช้เซ็นเซอร์จับการหมุนของล้อร่วมกับระบบเบรกแบบ ABS ที่ได้ถูกติดตั้งไว้ใน รถโตโยต้า มาทุกรุ่น

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC

ขอขอบคุณรูปภาพจาก โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย)

ระบบการควบคุมการทรงตัว VSC จะทำงานอัตโนมัติทันทีที่เซ็นเซอร์จับสัญญาณได้ว่าตัวรถมีอาการลื่นไถลเมื่อล้อใดล้อหนึ่งมีอัตราการหมุนเร็วกว่าล้ออื่นๆ นั่นแสดงให้รู้ว่าล้อข้างนั้นเริ่มสูญเสียการเกาะถนน ระบบการทรงตัว VSC จะสั่งให้ปั๊มเบรก ABS สร้างแรงดันน้ำมันเบรกที่เหมาะสมไปยังล้อข้างนั้นเพื่อลดความเร็วในการหมุนของล้อนั้นและขณะเดียวกันก็ลด ความเร็วรอบเครื่องยนต์เพื่อให้เกิดแรงดึงตัวรถกลับมาอยู่ในทิศทางที่ต้องการซึ่งนั่นเป็นความปลอดภัยที่ดีไม่น้อยที่รถยนต์โตโยต้าที่ได้ติดตั้งระบบที่ช่วยควบคุมตัวรถได้เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ยามคับขันโดยเฉพาะการลื่นไถลบนถนนเปียกลื่นขณะเร่งแซงหรือในขณะเข้าโค้ง ……..ซึ่งสามารถพบได้ในชีวิตประจำวันและในช่วงฤดูหน้าฝนซึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่อย่างไรความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ท่านสามารถระวังไว้ได้

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย