เรื่อง

พวงมาลัยรถยนต์

พวงมาลัยรถทำงานอย่างไร

พวงมาลัยรถโตโยต้า

ทำความรู้จัก! การทำงานของระบบพวง มาลัยรถยนต์
พบกันอีกเช่นเคยกับบทความสำหรับผู้รักรถยนต์ โดยในวันนี้ทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย ก็ไม่พลาดนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์มาฝากเช่นเคย อุปกรณ์อีกหนึ่งชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ เพราะถ้าไม่มีตัวนี้แล้ว รถของท่านอาจจะไม่สามารถขับเคลื่อนไปไหนก็ได้ แน่นอนซึ่งนั่นก็คือ พวงมาลัยรถยนต์ นั่นเองครับ พวงมาลัยรถยนต์ถือว่าเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในรถยนต์เลยครับ เพราะทำหน้าที่ควบคุมให้รถยนต์ไปตามทิศทางที่กำหนดและยังเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำความรู้จักมันให้มากๆเลยทีเดียว

ซึ่งส่วนประกอบที่สำคัญของระบบพวงมาลัย ได้แก่ พวงมาลัย, ขายึดแกนพวงมาลัย, แกนพวงมาลัย, หน้าแปลนพวงมาลัย, ยางข้อต่อ, กระปุกพวงมาลัย, แขนเกียร์พวงมาลัย, คันชักคันส่งกลาง, คันชักคันส่งข้าง , แขนดึงกลับ และกระปุกพวงมาลัย

รู้หรือไม่ครับว่า พวงมาลัยรถยนต์ในหลายๆค่ายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นิยมใช้กันหลายแบบโดยจะมีรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น

แรคแอนด์พีเนียน ซึ่งเจ้าพวงมาลัยชนิดนี้ จุดเด่นก็คือ ต้นทุนไม่แพง เป็นระบบการบังคับเลี้ยวชนิดหนึ่ง แบบสะพานมีเฟือง กับเฟืองหมุนขนาดกะทัดรัด ใช้พื้นที่น้อย แถมยังตอบสนองการขับขี่ไวอีกด้วย

แบบบอลล์แอนด์นัท พวงมาลับแบบนี้มักจะนิยมใช้ในรถกระบะบางรุ่น อย่างเช่น โตโยต้า รีโว่ (Toyota Revo) หรือรถบรรทุกยี่ห้อดังหลายๆเจ้า รถโดยสารขนาดใหญ่ โดยการทำงานของเจ้าพวงมาลัยนี้จะมีชุดวาล์วเพื่อควบคุมทิศทางน้ำมันไฮดรอลิกส์แบบโรตารี่ ควบคุมการทำงานด้วยแรงหมุนพวงมาลัยจากผู้ขับร่วมกับความฝืดของยางรถยนต์กับพื้นถนน ซึ่ีงจะอาศัยการบิดตัวของทอร์ชันบาร์สปริง ข้อดีของขวงมาลัยแบบ แบบบอลล์แอนด์นัท นี้ คือทนมากกว่าแบบ แรคแอนด์พีเนียน ครับ

พวงมาลัยแบบเพาเวอร์ เป็นพวงมาลัยชนิดสุดท้ายที่ถูกผลิตมาใช้ในท้องตลาดครับ ซึ่งปัจจุบันมีย่อยลงไปอีก 3 แบบ ได้แก่

1. แบบใช้น้ำมันอย่างเดียว เรียกว่า แบบไฮดรอลิกส์

2. แบบไฮดรอลิกส์ร่วมกับไฟฟ้า

3. แบบไฟฟ้าใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบไม่มีน้ำมันเพาเวอร์ สายพานหรือปั๊มเพาเวอร์คอยดึงกำลังจากเครื่องยนต์มาช่วย แต่จะเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเข้ามาช่วยในการเลี้ยวและหมุนพวงมาลัยได้สะดวกยิ่งขึ้น ข้อดีของเจ้าพวงมาลัยนี้ทำให้รถประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิิม อีกทั้งยังลดภาระเครื่องยนต์ไม่ต้องบำรุงรักษาตามระยะ แต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องเสียค่าซ่อมแพงหูฉี่เลยทีเดียว

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับพวงมาลัยรถยนต์ ที่ทางทีมงานได้นำมาเสนอ คาดว่าคงจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการขับขี่ ส่งผลไปถึงความปลอดภัยของรถยนต์ พวงมาลัยรถยนต์ ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่รถยนต์หลายค่ายต่อหลายค่าย แข่งขันกันผลิตออกมาให้ใช้งานดีที่สุดและทันสมัยที่สุด เพื่อตอบโจทย์ของการใช้รถยนต์ในยุคนี้มากที่สุดครับ ทั้งนี้ รถยนต์โตโยต้า ของเราก็ให้ความสำคัญกับการผลิตพวงมาลัยรถยนต์ให้ออกมาตอบสนองความต้องการ และได้มาตรฐานความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งานมากที่สุดเช่นกัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย


โปรแรงๆ ขวัญใจ กระบะ Revo


ติดตามข่าวสาร โปรโมขั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

บีบแตรรถ

การบีบแตรบอกอะไรได้บ้าง?

บีบแตรรถ บอกอะไรได้บ้าง ?

การบีบแตรรถ

พบกันอีกเช่นเคย กับเรื่องราว สาระดีๆ เกี่ยวกับยานยนต์ วันนี้จะพูดถึงเรื่องบนท้องถนนกันบ้างครับ เชื่อว่าหลายท่านคงจะเคยสงสัยกันไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ ว่าเสียงแตรรถยนต์ที่เราได้ยินกันบ่อยๆบนท้องถนนนั้นมีหลายแบบ ซึ่งบางทีอาจจะทำให้เกิดความน่ารำคาญไปบ้าง แต่การบีบแตรรถยนต์สามารถบอกเราได้หลายๆอย่างเลยทีเดียว และที่สำคัญเจ้าแตรนี้หล่ะที่ทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเลยก็ว่าได้ อย่ารอช้าเราไปดูกันเลยดีกว่า ว่าการแบบแตรแต่ละชนิดบอกอะไรเราได้บ้าง

1) การบีบแตรแบบเบาและเสียงสั้น หมายถึง การทักทายกันบนท้องถนน เช่น “สวัสดียามเช้าอากาศสดใส ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วนะ” การบีบแตรในลักษณะนี้ ค่อนข้างจะสุภาพและเป็นมิตร ใช้วิธีการบีบแตรเบาๆและสั้นๆ ผู้รับรู้ก็จะได้รู้สึกสบายหูไปด้วยนั้นเอง

2) การบีบแตรแบบเสียงสั้นสองครั้ง หมายถึง การบีบแตรในลักษณะนี้ เพื่อเป็นการเตือนให้อีกฝ่ายทราบถึงตำแหน่งรถของเรา เพื่อระมัดระวังและลดการเกิดอุบัติเหตุด้วยนั่นเอง

3) การบีบแตรแบบเสียงดังยาว หมายถึง เป็นการบีบแตรที่ผู้ฟังอาจจะตกใจไม่มากก็เล็กน้อย แต่ข้อดีของมันคือการเร่งอีกฝ่ายให้ตื่นตัว ไม่เหม่อลอย ให้ระมัดระวังว่ากำลังจะเกิดเหตุอันตราย และอาจจะเป็นการช่วยเตือนให้เค้าตื่นจากอาการหลับในได้อีกด้วย

4) การบีบแตรแบบเสียงดังยาวซ้ำกันสองครั้ง หมายถึง การแบบแตรแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะผู้ที่ได้ฟังนั้นจะสามารถรับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การบีบแตรยาวๆซ้ำกันนั้นเป็นการเตือนว่ากำลังจะเกิดอุบัติเหตุแบบกะทันหัน ฉุกเฉิน นั้นเอง

อ่านกันไปแล้วสำหรับลักษณะการบีบแตรในแบบต่างๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหันกลับมาสนใจสัญญาณเตือนชนิดให้มากขึ้นนี้แล้ว ไม่เปิดเพลงดังจนเกินไป ทำให้เราไม่ได้ยินเสียงรอบข้างขณะขับขี่ การบีบแตรก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ การบีบแตรรถยนต์อย่างพร่ำเพรื่อก็อาจเป็นดาบสองคมก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เช่นกัน รู้อย่างนี้แล้วทีมงานโตโยต้า กรุงไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้ท่านใช้แตรอย่างมีสติ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมทาง เป็นมิตรกับเพื่อนร่วมทาง และยังขับขี่ปลอดภัย วันนี้หาเวลาซักนิดตรวจสอบสภาพรถของท่าน และสภาพการใช้งานแตรของท่านให้ใช้การได้อยู่เสมอ เพื่อถ้าเกิดเหตุด่วนขึ้นมาแตรก็จะช่วยเราได้มากเลยเช่นกัน ท่านสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ของท่านได้ที่ โตโยต้า กรุงไทย ทั้ง 3 สาขา ดังนี้ สาขารามอินทรา สาขาเกษตร และสาขาตลิ่งชัน ทางเรายินดีให้บริการอย่างครอบครัว

และนอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆเสริมอีกไม่ว่าจะเป็น : ศูนย์ซ่อมตัวถังและสีศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้ให้บริการให้กับท่านที่รักรถยานยนต์

อาการของเกียร์รถที่กำลังจะพัง

7 อาการของเกียร์ที่กำลังพัง

อาการของเกียร์รถที่กำลังจะพัง

ภาพโดย : สาระความรู้ เทคนิคและเทคโนโลยียานยนต์ โดยโตโยต้า กรุงไทย

7 อาการของเกียร์รถที่กำลังจะพัง

1. เกียร์ไม่เข้าตามตำแหน่ง

หลายคนคงเคยเจอปัญหาหรือรู้สึกว่า การเข้าเกียร์ในบางตำแหน่งเป็นไปได้ยาก นั่นเป็นสัญญาณหนึ่งที่สำคัญที่จะบ่งบอกอาการเบื้องต้นของอาการเกียร์รถกำลังจะพัง (แต่ต้องอาศัยความรู้สึกเบื้องต้นในขณะตอนขับหรือใช้งานรถยนต์นะครับ) แม้เรื่องนี้ส่วนใหญ่แล้วอาจจะเกิดในระบบเกียร์ธรรมดามากกว่า ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะเกิดจากสาเหตุอย่างอื่นด้วยเช่นกัน อาทิ น้ำมันเกียร์มีปริมาณต่ำกว่าที่กำหนด ซึ่งมีผลต่อการทำงานของชุดเฟืองในเกียร์ ถ้าตรวจสอบแล้วเป็นไปตามที่คาดเดาไว้เบื้องต้นนั้น เจ้าของรถควรจะเตรียมตัว และวางแผนในการซ่อมรถยนต์ของคุณได้เลยครับ

2. กลิ่นไหม้จากเกียร์

กลิ่นไหม้ก็เป็นสัญญาณอีกหนึ่งข้อที่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน อย่างเกียร์รถยนต์นี้ก็สังเกตได้จากกลิ่นไหม้ได้เช่นกันครับ กลิ่นไหม้ที่มาจากตัวรถยนต์เรา โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อชุดเกียร์หรือผ้าเบรคทำงานผิดปกติ (ในกรณีมีกลิ่นจากผ้าเบรคนั้นส่วนใหญ่จะเจอตอนขับรถยนต์ขึ้นลงทางลาดชันหรือภูเขา) ในกรณีเมื่อชุดเกียร์ทำงานหนักหรือผิดปกตินั้น จะทำให้น้ำมันบางส่วนถูกเผาไหม้ และกลายเป็นกลิ่นออกมาเตือนคุณ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แล้วให้คุณรีบซ่อมหรือนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อเช็คซ่อมต่อไป

3. เสียงไม่พึงประสงค์

อีก 1 ข้อสังเกตเรื่องเกียร์รถยนต์นั้นคือเสียง ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเองเพียงจอดรถเข้า เกียร์ว่างหรือตำแหน่ง เกียร์  N  หากรถคุณเป็นเกียร์อัตโนมัติจากนั้น คอยเงี่ยหูฟังเสียงคล้ายเหล็กกระทบกันดู ถ้ามีเสียงให้รีบตรวจสอบทันที เพราะการมีเสียงอาจหมายถึงมีชิ้นส่วนบางอย่างกำลังสึกหรอ อาจจะเป็นตัวฟันเฟืองเกียร์เองหรือกระทั่งพวกลูกปืนต่างๆ ซึ่งจะมีเสียได้ถ้า มันอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์

4. เกียร์ลื่น

อาการนี้ท่านผู้รักรถยนต์มักเจอในระบบ เกียร์ธรรมดา มากกว่าครับลองให้ท่านนึกดูนะครับว่ามีไหมที่คุณขับรถยนต์อยู่ดีๆ แล้วปรากฏว่าเกียร์รถยนต์ที่เข้าตามตำแหน่งถูกเลื่อนออกมาที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง ซึ่งในเกียร์อัตโนมัติเองก็อาการคล้ายๆกัน แต่จะเห็นชัดมากกว่าตอนที่คุณเร่ง เช่นใช้คันเร่งเท่าเดิม แต่ใช้เวลามากขึ้น หรือรถไม่ค่อยวิ่งทั้งที่เร่งเต็มพิกัด อาการเกียร์ลื่นเอง มักมีสาเหตุจากน้ำมันเกียร์อยู่ในระดับต่ำเกินไป บางครั้งอาจะมีส่วนมาจากคลัทช์ลื่น หรือผ้าคลัทช์เหลือน้อยด้วยครับ

5.คลัทช์ติด

อาการนี้ท่านผู้รักรถยนต์อาจจะไม่เกี่ยวกับตัวชุดเกียร์โดยตรงและมักเป็นมากในรถยนต์เกียร์ธรรมดา แต่อาการคลัทช์ติดอาจเกิดขึ้นได้กับท่านผู้รักรถยนต์ โดยเฉพาะคนที่ชอบขับรถที่มีอายุการใช้งานที่มาก ซึ่งอาการนี้เกิดจากคลัทช์เองไม่สามารถแยกตัวออกจากล้อช่วยแรง หรือภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Fly Wheel ซึ่งมันจะติดอยู่กับเครื่องยนต์ได้และมันทำให้คุณไม่สามารถเข้าตำแหน่งเกียร์อื่นๆได้ เนื่องจากคลัทช์ยังทำงานอยู่ ซึ่งการฝืนอาจจะทำให้ชุดเกียร์ได้รับความเสียหายได้ครับ

6. น้ำมันเกียร์รั่ว

เป็นอาการที่ชัดเจนและท่านผู้รักรถยนต์สามารถสังเกตได้ครับ เพราะเกิดได้ทั้งกับเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ โดยอาจจะเริ่มแค่ซึมๆ ตามห้องเกียร์ แต่อย่ามองข้าม เพราะมันอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ได้ การที่ชุดเกียร์มีระดับน้ำมันต่ำ อาจทำให้เกิดอุณหภูมิสูงในชุดเกียร์ และพังในท้ายที่สุด แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่การซ่อมก็ไม่ง่ายเพราะ การถอดประกอบเกียร์ต้องมีความชำนาญการไม่ต่างจากเครื่องยนต์ตามศูนย์บริการและอะไหล่ของค่ายรถยนต์ต่างๆครับ

7. อาการของเกียร์ไม่ตอบสนอง

อาการนี้เรียกว่าหนักสุดๆเลยครับ ท่านผู้รักรถยนต์ลองนึกดูนะครับจะเป็นอย่างไร ถ้าเกียร์ดับสนิทง่ายมากมันจะไม่ตอบสนองเลย โดยทั่วไปแล้วอาการนี้มักพบกับเกียร์อัตโนมัติมากกว่า เมื่อคุณเข้าตำแหน่งที่ต้องการแล้ว กลับพบว่าชุดเกียร์ไม่สามารถเดินหน้าหรือถอยหลังได้ ตายสนิทมันอยู่ตรงนั้นนั่นแหละบางครั้งในกรณีเดียวกัน อาจจะมีอาการคล้ายคลัทช์หรือเกียร์ลื่น ซึ่งลักษณะดังกล่าวมักจะเจอในเกียร์ธรรมดา ซึ่งถ้าเกิดอาการนี้ ทีมงานแนะนำเลยครับว่าให้รีบนำรถยนต์ของท่านเข้าศูนย์บริการและอะไหล่ของท่านโดยเร็วที่สุดเลยครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ สาระความรู้รถยนต์ และ เกร็ดความรู้รถยนต์ ที่ทางทีมงานของ โตโยต้า กรุงไทย นำมาแนะนำในครั้งนี้ให้ครับ ซึ่งจากอาการทั้งหมดที่กล่าวมาทางทีมงานเชื่อเลยว่า หลายท่านคงพอจะได้ข้อสังเกตในเรื่องการทำงานของระบบเกียร์รถยนต์ ที่ท่านเองก็สามารถนำไปใช้ได้ในเบื้องต้นครับ ซึ่งเรื่องการดูแลรักษารถยนต์ไม่จำเป็นต้องช่างก็สามารถทำเองได้ครับผม ซึ่งคราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องคอยติดตาม

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้ให้บริการ

รถเกียร์ธรรมดา มี 5 ข้อที่ต้องห้ามทำ

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่ใช้รถเกียร์ธรรมดา

รถเกียร์ธรรมดา มี 5 ข้อที่ต้องห้ามทำ

รถเกียร์ธรรมดา มี 5 ข้อที่ต้องห้ามทำ

1. ไม่เหยียบคลัทช์ค้างไว้ขณะจอดติดไฟแดง

ถึงแม้ว่าท่านผู้รักรถยนต์จะขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาส่วนใหญ่จะใส่เกียร์ว่างขณะรถจอดติดไฟแดง เพราะไม่อยากเหยียบคลัทช์ให้เมื่อยขา แต่บางคนก็เลือกที่จะเข้าเกียร์พร้อมกับเหยียบคลัทช์ค้างเอาไว้ในบางโอกาส เนื่องจากต้องการความรวดเร็วในการออกตัว แต่การเหยียบคลัทช์ค้างไว้นั้น จะทำให้ลูกปืนคลัชท์เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น ทางที่ดีจึงควรใส่เกียร์ว่างทุกครั้งเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งดีกว่าครับ

2. ใช้เกียร์สูงขณะที่ความเร็วต่ำ

ท่านผู้รักรถยนต์ไม่ควรใช้เกียร์สูงในขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ อย่างเช่น ท่านกำลังใช้เกียร์ 5 ขณะที่ท่านขับขี่ด้วยความเร็วต่ำเพียง 40 กม./ชม. โดยเฉพาะการเหยียบคันเร่งจมมิด เพราะจะเป็นการฉุดกำลังเครื่องยนต์ เร่งไม่ขึ้น อีกทั้งยังเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุอีกด้วย ทางที่ดีควรใช้ตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมในแต่ละย่านความเร็วครับ

3. ไม่ควรวางมือไว้บนคันเกียร์

หลายท่านมักจะเกิดความเคยชินด้วยการใช้คันเกียร์เป็นที่พักมือทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ซึ่งในกรณีเกียร์ออโต้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับเกียร์ธรรมดานั้น หากกดน้ำหนักมือมากจนเกินไป จะสร้างแรงกดไปยังก้ามปูเกียร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหลวมจนเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรดังนั้นแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือ ไม่ควรวางมือไว้บนคันเกียร์ เลยจะดีที่สุดครับ

4. ไม่เร่งเครื่องขณะจอดติดทางชัน

ถ้าหากท่านผู้รักรถยนต์ได้จอดติดบนทางชันนั้น ท่านไม่ควรใช้วิธีเร่งเครื่องเพื่อป้องกันรถไหล เพราะอาจทำให้คลัทช์ไหม้ได้ ทางที่ดีควรเหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง แล้วจึงดึงเบรกมือค้างไว้ หากกลัวว่ารถจะไหลไปข้างหลังขณะออกตัว ให้ใช้วิธีดึงเบรกมือจนสุด เร่งเครื่องยนต์ตามปกติ จากนั้นจึงปลดเบรกมือลง จะช่วยให้รถไม่ไหลลงทางชัน แต่ทางที่ดีควรฝึกขับเกียร์ธรรมดาให้คุ้นชิน เพื่อจะได้กะระยะปล่อยคลัทช์ได้อย่างแม่นยำครับ

5. ไม่วางเท้าบนแป้นคลัทช์

เป็นข้อห้ามสุดคลาสสิกสำหรับรถเกียร์ธรรมดาเลยก็ว่าได้ เพราะการวางเท้าบนแป้นคลัทช์ด้วยน้ำหนักมากจนเกินไป จะทำให้ชุดคลัทช์เกิดการเสียดสีจนทำให้คลัทช์หมดได้ บางกรณีอาจทำให้เกิดอาการคลัทช์ไหม้ได้อีกด้วยจะสังเกตได้จากกลิ่นนั้นเองครับ

     เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับวิธีที่ทางทีมงานได้นำมาแนะนำกันในบทความนี้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ท่านผู้รักรถยนต์เองก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองครับ ซึ่งถ้าหากรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น จนผู้ที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติต้องอิจฉาแน่นอนครับ ท่านสามารถพบกับบทความแบบนี้ ซึ่งจะมาพร้อมกับ เกร็ดความรู้รถยนต์ ที่มี สาระความรู้รถยนต์ สำหรับคราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นต้องคอยติดตามกันครับ

      นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย


โปรแรงๆ ขวัญใจ กระบะ Revo


ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่มีรถเกียร์ออโต้

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่มีรถเกียร์ออโต้

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่มี รถเกียร์ออโต้5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่มีรถเกียร์ออโต้

1.เมื่อจะต้องหยุดรถเป็นระยะเวลานานๆ ท่านไม่สมควรใส่เกียร์ไว้ในตำแหน่ง D ค้างไว้ ถึงแม้กระนั้น ท่านควรที่จะเลื่อนไปตำแหน่งเกียร์ N หรือ P แล้ว ดึงเบรกมือไว้ การที่ท่านใส่เกียร์ D ค้างไว้เป็นระยะเวลานานๆแล้ว มันจะส่งผลให้เกิดความร้อนสะสม ซึ่งทำให้องค์ประกอบด้านในชุดห้องเกียร์เกิดความเสียหาย อีกทั้งยังลดอายุการใช้งานให้สั้นลด ซึ่งนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้

2.เกียร์ออโต้ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จะมีโหมดให้เลือกเปลี่ยนเกียร์เองเหมือนเกียร์แมนนวล ในส่วนนี้จะทำให้ประสิทธิภาพการตอบสนองนั้นสู้เกียร์แมนนวลแท้ ๆ แบบมีคลัตช์ไม่ได้ ทำให้หลายคนชอบลากรอบเครื่องยนต์ให้สูง แล้วค่อยชิพเปลี่ยนเกียร์ที่คันเกียร์ หรือแพทเดิลชิพที่พวงมาลัยหรือวิ่งด้วยความเร็วสูงแล้วเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ทำให้รอบเครื่องสูงไม่สัมพันธ์กับความเร็ว จะทำให้เกียร์ได้รับความเสียหายได้ ควรใช้ตำแหน่งเกียร์และความเร็วที่เหมาะสมสัมพันธ์กัน ไม่ควรใช้รอบเครื่องยนต์สูงโดยไม่จำเป็น

3. การใช้เกียร์ออโต้ในตำแหน่ง 1 หรือ L นั้น ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ จริงๆแล้ว กรณีนี้ควรจะใช้ในกรณีที่ต้องการแรงบิดที่มากขึ้นเวลาขึ้นทางลาดชัน ติดหล่ม ลากรถขึ้นจากหล่ม หรือเวลาลงทางชัน ต้องการใช้เอ็นจินเบรก แทนการใช้เบรกที่ล้อที่จะเกิดความร้อนสะสมได้ การใช้เกียร์ออโต้ในตำแหน่ง 1 หรือ L นั้น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะทางไกล ๆ เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสะสมในห้องเกียร์ได้ซึ่งนำมาให้ระบบเกียร์เกิดความเสียหายได้ในระยะยาว

4. การขับรถเกียร์ออโต้นั้น ถ้าผู้ขับขี่ไม่มีความชำนาญหรือความคุ้นเคยกับเกียร์ออโต้ของรถแต่ละคันแล้วจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน สำหรับในการคิ๊กดาวน์ หรือชิพดาวน์เพื่อต้องการอัตราเร่งเพื่อแซงรถคันหน้านั้น การตอบสนองของรถแต่ละยี่ห้อและรุ่นตอบสนองไม่เหมือนกัน บางรุ่นตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ บางรุ่นจะมีหน่วงอยู่บ้าง ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้และมีสร้างความคุ้นเคยกับรถที่ขับให้เป็นอย่างดี การเร่งแซงที่ผิดจังหวะ หรือกะระยะไม่ดี จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

5. เกียร์ออโต้ก็ต้องการบำรุงรักษาเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยนต์ สำหรับการบำรุงรักษาโดยปกติจะเป็นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ควรเปลี่ยนตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด อย่าฝืนใช้เกินกำหนดเป็นระยะทางเป็นเวลานาน บรรดาเศษโลหะจะสะสมในห้องเกียร์มากขึ้น และจะทำให้ระบบเกียร์ทำงานไม่ได้สมบูรณ์การระบายความร้อนห้องเกียร์ก็จะทำได้ไม่เต็มที่ อายุการใช้งานสั้นลง ต้องเข้าโรงซ่อมเพียงอย่างเดียวและเมื่อต้องซ่อมเกียร์จะเสียทั้งเวลาและเงินไปโดยใช่เหตุ

และสำหรับการดูแลและรักษายืดอายุการใช้งาน เกียร์ออโต้ นั้นทำได้ไม่ยากเพียงแค่ท่านผู้รักรถยนต์ลองฝึกและปฏิบัติตาม สร้างความคุ้นเคยกับ เกียร์ออโต้  ในรถยนต์ของท่านกันถึงแม้ท่านจะขับรถยนต์ได้คล่องขนาดไหน แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ยังมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอท่านสามารถติดตาม เกร็ดความรู้รถยนต์ และ สาระความรู้รถยนต์ ได้ที่เว็บไซต์ โตโยต้า กรุงไทย ซึ่งคราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องคอยติดตาม

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย


โปรแรงๆ ขวัญใจ กระบะ Revo


ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ