เรื่อง

ระบบ T-Connect Telematics

ระบบ TELEMATICS ใน รถยนต์โตโยต้า C-HR คืออะไร ?

ระบบ T-Connect Telematics

ระบบ T-Connect Telematics

หลายท่านคงสงสัยกับนวัตกรรมใหม่ของรถยนต์โตโยต้าโดยเฉพาะรุ่น C-HR ที่มีเทคโนโลยีใหม่นั่นก็คือ ระบบ T-Connect Telematics แล้วท่านรู้ไหมครับว่า ระบบนี้มันคืออะไร มีประโยชน์การใช้งานและการทำงานอย่างไร บทความนี้ทางทีมงานโตโยต้า กรุงไทย จะพาไปทำความรู้จักกับระบบนี้กันครับ

ระบบ T-Connect Telematics นี้มีหลักการทำงานคือ เป็นการเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลทางไกลผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กับแอพพลิเคชั่น T-Connect  เป็นอีกหนึ่งการเชื่อมต่อรถยนต์ของคุณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยผ่านฐานข้อมูลหลัก และยังสามารถระบุตำแหน่งของรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ Telematics นี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีค่าใช้จ่ายรายปีหรือตามแพ็คเกจ   และมีฟังก์ชั่นบริการดังนี้ 

1. หาพิกัด (Find my Car) ในระบบ Telematics ที่มากับโตโยต้า C-HR นั้น จุดประสงค์เพื่อป้องกันรถหายนั่นเองครับ โดยเจ้าตัวระบบ Find my Car จะทำการบอกตำแหน่งที่ตั้งของรถที่จอดอยู่เพื่อให้เจ้าของรถทราบว่าตอนนี้รถของท่านกำลังจอดอยู่ที่ไหนนั่นเอง

2. ประกันภัยจ่ายตามระยะ (Pay as you Drive) คุณสมบัติของระบบนี้อีกอย่างก็คือ ให้เลือกใช้ประกันภัยแบบ “ขับน้อย จ่ายน้อย” ข้อเสนอการคุ้มครองสุดพิเศษให้คุณจ่ายตามการใช้งานจริง *สำหรับการทำประกันภัยกับบริษัทฯ ที่กำหนดไว้เท่านั้น *

3. ระบบการช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน (SOS) ในส่วนของระบบการช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าตัวระบบนี้จะเป็นระบบที่ให้ผู้ใช้รถยนต์ที่มีปัญหากลางทางไม่ว่าจะเวลาไหน (ตลอด 24 ชั่วโมง) สามารถติดต่อกับขอความช่วยเหลือได้ตลอด *แน่นอนว่าบางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม * 

4. แจ้งเตือน (Parking Alert) คุณสมบัติของระบบนี้คือใช้ได้จริงกับระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือ รถกำลังถูกเคลื่อนที่นั่นเองครับ

5. การหาตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกขโมย (Stolen Vehicle Tracking) คุณสมบัติของระบบตัวนี้คือ เป็นระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรมและ ศูนย์บริการ ที่พร้อมให้ช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่รถยนต์ของคุณถูกขโมยไป

6. สัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟ (My Toyota Wi-Fi) อีก 1 ตัวเด็ดของระบบ T-Connect Telematics ที่มีในรถโตโยต้านั่นก็คือ Wi-Fi ในรถที่ท่านสามารถเชื่อมต่อความบันเทิงออนไลน์ ได้พร้อมกัน สูงสุด 9 อุปกรณ์ *ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแพ็กเกจ * 

7. ระบบช่วยค้นหาเส้นทาง OPS (Operator Service) ในส่วนของระบบช่วยค้นหาเส้นทางนั้นเป็นระบบที่ท่านสามารถ ค้นหาเส้นทางได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งบริการจองร้านอาหารชั้นนำ เพื่อความสะดวกสบายทุกการเดินทาง และสนุกไปกับการเดินทางแบบ Live Alive

8. ระบบนำทาง (Navigator) ในส่วนของระบบนำทางแบบ Navigator ที่มาพร้อมในรถของโตโยต้า รุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็น Toyota Fortuner, Toyota Camry, Toyota C-HR พร้อมแสดงการข้อมูลจราจรให้ท่านได้ถึงจุดหมาย ได้อย่างสะดวกรวดเร็วและแม่นยำดียิ่งขึ้น

สำหรับรถยนต์โตโยต้า C-HR มีทั้งหมด 4 รุ่น ซึ่งเทคโนโลยี T-Connect Telematics จะมีอยู่ในรถยนต์โตโยต้า C-HR เฉพาะรุ่น HV Hi, HV Mid และมีในรถยนต์รุ่นต่างๆที่กล่าวข้างต้น (ข้อ 8 ระบบนำทาง Navigator)

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทางทีมงานโตโยต้า กรุงไทย ก็อยากจะแนะนำให้ท่านเป็นเกร็ดความรู้ และเทคนิคยานยนต์ ที่ให้ท่านได้รู้ถึงประโยชน์และความสามารถของระบบ T-Connect Telematics ในรถยนต์โตโยต้า C-HR ที่ทางเราได้มีไว้จัดจำหน่ายแล้วทุกสาขา (สาขารามอินทรา สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชัน) แล้วครับ นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

ยางรถเสื่อมไว

รู้ไว้ใช่ว่า….! 6 สาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์เสื่อมไวกว่าปกติ

ยางรถเสื่อมไว สาเหตุเกิดจาก ?

ยางรถเสื่อมไว

1. การเติมลมยางที่ไม่พอดี

เป็นเรื่องที่คนใช้รถยนต์ส่วนใหญ่มักจะเจออยู่เสมอซึ่งมีอยู่หลายสาเหตุ โดยสาเหตุคราวๆที่มักจะเจอกันบ่อยก็คือ การเติมลมยางที่เกินพอดี (ยางแข็งเกินไป) หรือเติมลมยางอ่อนกว่าเกณฑ์ ซึ่งสาเหตุพวกนี้มักจะมาจากการขาดความรู้เรื่องการดูแลรักษายาง ดังนั้นแล้วท่านใดที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการเติมลมยางแล้วควรต้องกลับมาเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย มีวิธีการเติมลมยางที่ถูกวิธีนั้นก็คือ ควรเติมลมยางตามคำแนะนำที่ติดไว้ข้างประตูฝั่งคนขับครับซึ่งในแต่ละรุ่นรถก็จะมีเกณฑ์การเติมลมต่างกันออกไป

ความดัน ลมยาง จำง่ายๆ ดังนี้

– รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมประมาณ 25 -30 ปอนด์
– รถยนต์ขนาดกลางถึงใหญ่ ควรเติมประมาณ 30 -35 ปอนด์
– รถกระบะ ควรเติมไม่เกิน 65 ปอนด์

การเติมลมยางรถยนต์คือเรื่องที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาด เพราะนั้นหมายถึงความปลอดภัยขณะขับขี่บนท้องถนนของคุณ

2. การที่รถทำการบรรทุกหนัก

ส่วนมากแล้วปัญหาการบรรทุกน้ำหนักเกินมักจะพบมากที่สุดในรถกระบะครับ ซึ่งการบรรทุกน้ำหนักเกินมากจนเกินไปทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัยและยังจะเพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการขับขี่บนท้องถนนมากขึ้นอีกด้วย เมื่อบรรทุกหนักยางก็จะถูกแรงกดทับมากจนเกินไปและทำงานหนักตามไปด้วย ส่งผลให้ยางมีปัญหาขณะขับขี่นั่นเอง

3. หลีกเลี่ยงการเบรกและออกตัวอย่างรุนแรง

          รถที่ออกตัวรุนแรงหรือมีการเบรกกระทันหัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางรถของท่านเกิดระเบิดขึ้นมาในระหว่างการขับขี่ได้และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ดอกยางรถยนต์ของท่านเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานที่กำหนดด้วยนั่นเอง

4. ขับขี่รวดเร็วมีแต่ผลเสีย

การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นอีก 1 ในสาเหตุของการเสื่อมสภาพของรถยนต์ ซึ่งการขับรถเร็วนั้นทำให้ยางพังไวกว่ากำหนดและที่สำคัญเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วยครับ นึกภาพง่ายๆ เลยเช่น เมื่อรถยนต์เลี้ยงเข้าโค้งด้วยความเร็ว แก้มยางด้านข้างของรถยนต์ที่แข็งเกินไปจะไม่สามารถสัมผัสพื้นถนนได้เต็มที่ นำมาซึ่งอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์ของท่านเสื่อมอายุการใช้งานเร็วกว่ากำหนดอีกด้วยครับ

5. เลี่ยงถนนที่ขรุขระเพื่อยืดอายุยาง

แม้ถนนที่ชำรุดจะเป็นเรื่องที่เรามักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม แต่เมื่อเราเจอถนนชำรุด ก็ควรที่จะขับขี่อย่างระมัดระวังยางรถยนต์ที่จะไปเสียดสีกับผิวถนน เป็นส่วนที่ทำให้ยางรถเกิดความสึกหรอได้เลยเช่นกัน ดังนั้นการขับขี่ใบพื้นถนนที่เลี้ยงไม่ได้ ก็ควรจะขับขี่อย่างช้าๆ เพื่อถนอมอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้นานที่สุด

6. ตั้งระบบศูนย์ล้อไม่ตรงกับขนาดของล้อรถยนต์

ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นปัญหาอันตรายที่ละเลยไม่ได้จริงๆ เรื่องการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบบ่อยของรถยนต์ที่ทำการดัดแปลงมาครับ เมื่อศูนย์ล้อไม่ตรงกับสเปรคของยาง ก็อาจจะเกิดแรงเสียดทานขึ้นมาได้ ดังนั้นท่านควรที่จะตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้ตรงกับขนาดของล้อที่ท่านใช้ครับ เพื่อความปลอดภัยในขณะขับขี่รถยนต์

เห็นแบบนี้แล้ว ท่านต้องหันกลับมาใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเรื่องการดูแลรักษายาง ซ่ะแล้ว เพราะยางรถเป็นส่วนสำคัญอันดับแรกที่เราละเลยไม่ได้เลยจริง ๆ

ทั้งหมดที่ได้เกริ่นมาข้างบนนี้ ทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย  ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อที่ท่านจะได้ถนอมอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้อยู่กับท่านได้นานขึ้น

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการ ศูนย์บริการทั่วไปและอะไหล่,  ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสี  ไว้บริการท่านอีกด้วย

Hilux Revo ECO Mode

ECO Mode ใน Hilux Revo มีดียังไงและทำงานอย่างไร

ECO Mode toyota revo

ECO Mode ในรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ มีดียังไง ?

สำหรับ ECO Mode ในรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ คือการปรับเครื่องยนต์ให้เข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ประหยัดขึ้นนั่นเอง ซึ่งวิธีการทำงานของปุ่ม ECO Mode คือ เมื่อมีการใช้งานใน ECO Mode แล้ว สัญญาณจะส่งไปยังกล่อง ECU ของตัวรถและสั่งการให้เครื่องยนต์ในโหมดประหยัด เช่น อัตราการฉีดของน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังห้องเครื่องก็จะฉีดน้อยลงเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน (ลดการกินน้ำมันลงนั่นเอง) ซึ่งในโหมดนี้ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของอัตราเร่งในรถยนต์ หมายความว่าเมื่อใดที่ท่านผู้ขับขี่เปิดการใช้งานโหมดนี้แล้วรถของท่านจะกดคันเร่งแล้วเร่งไม่ได้ไม่ได้ เพียงแต่โหมดจะทำการเร่งรอบเครื่องยนต์ให้ท่านก่อน หลังจากที่ท่านกดคันเร่งแล้ว ECO Mode ก็จะปรับรอบเครื่องยนต์ให้เครื่องยนต์กลับมาอยู่ในโหมดการขับขี่ที่ประหยัดอยู่นั่นเอง

การทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

การทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

หลักการทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

หลักการทำงานของไฟ ECO Mode ในหน้าจอของรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ คือเมื่อท่านทำการสตาร์ทเครื่องยนต์และมีการขับขี่ ไฟแสดงสถานะ ECO จะติดบนหน้าจอ MID แสดงให้เห็นว่าเป็นช่วงเวลาของการขับที่ประหยัดน้ำมัน เช่น ตอนเหยียบคันเร่งน้อยๆ หรือท่านกำลังค่อยๆ เหยียบคันเร่ง รวมไปถึงเมื่อการขับขี่ใช้ความเร็วคงที่และสม่ำเสมอ โดยที่ตัวเครื่องยนต์ไม่มีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนใดๆ ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อทำให้ประหยัดน้ำมันซึ่งใน รถโตโยต้า อย่างตัว โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว ขึ้นไปแล้ว ปุ่ม ECO Mode จะมีให้เลือกเปิดปิดได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ ซึ่งปุ่มควรคุมนั้นจะอยู่ตรงด้านขวาของคันเกียร์ สำหรับรถที่ใช้เกียร์ออโต้ แต่สำหรับเกียร์ธรรมดาจะอยู่ติดกับที่วางแก้วน้ำตรงกล่องเก็บของตรงกลางระหว่างผู้โดยสารและคนขับนั่นเอง

ไฟบ่งบอกถึงการทำงานอยู่ในโหมด ECO

สำหรับ ECO Mode ที่มีมากับรถยนต์ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว นั้นขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานของผู้ขับขี่ เพราะตัว ECO Mode นั้นได้ถูกออกแบบมาให้เครื่องยนต์มีการทำงานที่ประหยัดมากขึ้นจากเดิมแต่ถ้าจะให้ขับขี่ประหยัดจากโหมด ECO ไปอีกนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับขับขี่ในส่วนของบุคคลครับและท่านยังสามารถเข้ามาใช้บริการทดลองขับ ไฮลักซ์ รีโว หรือ Test Drive ได้ที่ โตโยต้า กรุงไทย สาขารามอินทรา, สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

การรักษาสีรถยนต์ด้วยตัวเอง

การดูแลรักษาสีรถยนต์ด้วยตัวเอง

การดูแลรักษาสีของรถยนต์

การดูแลรักษาสีของรถยนต์ Revo

  1. ฝุ่นควันและสิ่งสกปรก ในส่วนของการดูแลส่วนนี้แนะนำให้ล้างรถเพื่อล้างคราบสกปรกออก ซึ่งวิธีนี้เป็นการดูแลรักษาสีของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
  2. การล้างรถ เหตุผลข้อนี้เพื่อป้องกันจากคราบเศษวัสดุต่างๆที่ต้องเจอบนท้องถนน ซึ่งการล้างรถที่ดีนั้นควรใช้น้ำยาล้างรถเพื่อล้างคราบสิ่งสกปรกด้วย เพื่อเป็นการถนอมสีของรถยนต์ให้มีความสดใหม่อยู่ตลอด โดยวิธีการล้างที่ถูกต้อง ควรล้างจากด้านบนไล่ลงมาด้านล่างเสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้ และที่โล่งแจ้งที่ไม่มีอะไรกำบัง สาเหตุก็เป็นเพราะแดด ฝน และลม นั้นจะทำให้สีรถของท่านซีดอย่างรวดเร็ว และการจอดใต้ต้นไม้ก็อาจจะทำให้มีเศษกิ่งไม้ ยางจากใบไม้ และมูลสัตว์จากแมลงต่างๆหล่นใส่ของท่าน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้สีของรถยนต์ท่านเสื่อมสภาพเร็วนั่นเอง
  4. ยางมะตอย คือศัตรูตัวฉกาจ ที่จะทำให้สีรถของท่านเสื่อมเร็วกว่ากำหนดและเป็นสิ่งที่ทำร้ายสีรถ ชนิดที่ท่านอาจจะปวดหัวเลยทีเดียว ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ดี คือหลังจากที่มีการใช้งานรถผ่านในเส้นทางทีมีการราดยางมะตอยเสร็จใหม่ๆ ให้ท่านทำการล้างรถโดยการน้ำฉีดบริเวณที่ยางมะตอยติด เพื่อให้ยางมะตอยอ่อนตัวลง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำมันสนหรือสเปรย์ขจัดคราบ ค่อยๆเช็ดบริเวณรอยเปื้อนคราบยางมะตอยจะหลุดออกอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นล้างรถบริเวณที่รอยเปื้อนอีกครั้ง และใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดตามปกติ เพียงเท่านี้สีรถของท่านก็จะกลับมาสวยงามอีกครั้ง
    ข้อสำคัญคือ อย่าปล่อยให้ยางมะตอยติดกับสีรถของท่านเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้สีรถของท่านเกิดความเสียหาย และล้างออกได้ยากขึ้นกว่าเดิม
  5. การขัดเคลือบสี สำหรับท่านที่ใช้รถมานานๆแล้ว อย่างน้อยต้องมีการขัดเคลือบสีรถของท่านอย่างน้อยปีล่ะ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานของรถ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการการดูแลรักษาสีรถด้วยตัวท่านเองที่ทางทีมงาน
โตโยต้า กรุงไทย ได้แนะนำ เพื่อให้สีรถที่ดูสดใสและสะอาดไปได้ยาวนาน อาจเป็นเรื่องที่ต้องเสียเวลาสักหน่อย แต่ก็ช่วยรักษาสีรถยนต์ของเราให้มีอายุยาวนานขึ้นได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ท่านสามารถนำรถของท่านมาใช้บริการได้ทั้ง 3 สาขา โตโยต้า กรุงไทย สาขารามอินทรา, สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และ สาขาตลิ่งชัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย