เคล็ดลับยานยนต์ คลิปวิดีโอ รีวิวรถโตโยต้า ข่าวอัพเดทโตโยต้า เทคนิคยานยนต์ ประกันภัยรถยนต์ และ รอบรู้เรื่องรถอื่นๆ รวมถึงโปรโมชั่นรถใหม่ป้ายแดง

เช็กรถหลังเดินทางไกล
เช็ครถหลังเดินทางไกล

เช็กรถหลังเดินทางไกล

เช็กรถหลังเดินทางไกล

การตรวจเช็กรถหลังจากเดินทางไกล ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและไม่ควรมองข้าม เพราะการใช้งานรถยนต์นานๆหรือเดินทางไกลๆหลายชั่วโมง พวกชิ้นส่วนอะไหล่หรือของเหลวต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ย่อมมีการสึกหรอหรือลดลงตามการใช้งานอยู่แล้ว ส่วนจะต้องเช็กอะไรบ้างที่ผู้ใช้รถสามารถเช็กได้ด้วยตนเอง ไปดูกันครับ

1. เช็กของเหลว

เช็กของเหลว เช็กรถหลังเดินทางไกล

อันดับแรกเราควรตรวจเช็กของเหลวต่างๆภายในเครื่องยนต์ ให้อยู่ในระดับที่ปกติ อาทิเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ ระดับน้ำในหม้อน้ำ และน้ำฉีดกระจกหน้ารถ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ยิ่งมีการใช้งานหนักหรือใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง ก็ย่อมลดหรือพร่องลงอยู่แล้ว โดยเฉพาะน้ำมันเครื่อง หากเช็กดูแล้วว่ามีสีขุ่นมากกว่าปกติควรทำการเปลี่ยนถ่ายใหม่ เพราะน้ำมันเครื่องถือว่ามีความสำคัญมากไม่แพ้ของเหลวอื่นๆ เพราะจะช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ ปกป้องจากการเสียดสี หรือช่วยลดการสัมผัสกันโดยตรงของชิ้นส่วนโลหะเครื่องยนต์ด้วย

2. เช็กช่วงล่างและระบบกันสะเทือน

เช็กช่วงล่าง เช็กรถหลังเดินทางไกล

  • โช๊คอัพ ให้สังเกตว่ามีน้ำมันซึมออกมาหรือไม่ หรือลองใช้แรงกดที่บริเวณตัวถังรถ ว่ามีการเด้งยุบและคืนตัวเป็นปกติหรือเปล่า หากมีการเด้งคืนตัวเร็วหรือแข็งจนเกินไป แสดงว่าโช๊ครถยนเราอาจจะมีปัญหาก็ได้ (สัญญาณเตือนให้เปลี่ยนโช๊ค)

เช็กลมยาง เช็กรถหลังเดินทางไกล

3. ตัวถังรถ

ล้างรถหลังเดินทางไกล

หลังจากเดินทางไกล เราควรทำการล้างรถ แม้ว่าเราจะไม่ได้ขับลุยน้ำ โคลนมามากก็ตาม เพราะฝุ่น โคลนที่ติดกับรถ ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานแล้วนั้น อาจจะสร้างความเสียหายให้กับตัวสีรถเราได้
* แต่ไม่ควรล้างรถขณะเครื่องยนต์มีความร้อนสูง หรือขณะจอดรถใหม่ๆ อาจจะทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่บางอย่างเกิดความเสียหายชำรุดได้


ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ ผู้ใช้รถควรตรวจเช็กสภาพรถทั้งก่อนและหลังเดินทางไกลควบคู่กันไปด้วยนะครับ เพื่อความปลอดภัย และช่วยยืออายุการใช้งานของชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆของรถเรานะครับ

ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์โตโยต้ากรุงไทย

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน
จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์ ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์ ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน

Thumbnail-01

1. สังเกตจากจุกบอกสภาพยางรถยนต์ หรือดุ่มบอกสภาพยาง

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน 02

2. แก้มยางบวม-รอยแตก หรือแยกส่วนออกจากกัน มีความเสียงสูงที่จะทำยางระเบิด

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน 03

3. ส่วนใหญ่ยางรถยนต์ทุกประเภททุกยี่ห่อ มีอายุของปียางซึ่งจะไม่เกิน 3-4ปี ที่คนส่วนมากมองข้ามกัน เราสามารถดูสัปดาห์ที่ผลิต ที่ติดอยู๋ข้างยาง เราไม่ควรใช้งานที่อายุนานๆ ถึงแม้ว่ามองด้วยตาเปล่าว่าสภาพยางยังใหม่หรือดอกยางยังเหลือเยอะยังสวยอยู่ เราไม่ควรมองข้าม เพราะยางจะเสื่อมสภาพตามอายุ วัสดุที่ผลิต และการใช้งานอู่แล้ว

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน 04

4. รอยรั่วของยาง สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน หากยางของเรามีรอยรั่วหรือไปเหยียบตะปูมาแล้ว มาปะใช้งานต่อแล้วเนี้ย ยิ่งเพิ่มความเอาใจใส่ให้มาก ควรเช็กอย่างสม่ำเสมอ ตำแหน่งรั่วที่สามารถนำกลับมาใช้งานต่อนั้นควรจะอยู๋บริเวณหน้ายาง ไม่ควรอยู่ระหว่างข้างๆแก้มยาง และรอยรั่วไม่ควรกว้างเกิน 1 ซม.

ถ้าหากผู้ใช้งานไม่เช็กความพร้อมของยางอย่างสม่ำเสมอ หรือเช็กแล้วเห็นจุดบกพร่องของยางแล้ว แต่ไม่รีบแก้ไขหรือบรรทุกเกินอัตราที่คู่มือรถกำหนด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนะครับ

ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์บริการโตโยต้า กรุงไทย

ใส้กรองแอร์ Toyota Air Care

ไส้กรองแอร์ มีความสำคัญอย่างไร?.

ใส้กรองแอร์ Toyota Air Care

ไส้กรองแอร์ มีความสำคัญอย่างไร?.

ปัจจุบันการใช้ชีวิตคนในเมื่องกรุงฯ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศ ทั้งฝุ่นละอองที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เป็นฝุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งปัจจุบันมีค่าเกินมาตรฐาน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งหลายท่านใช้เวลาอยู่ในรถบนท้องถนนเป็นเวลานานแล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพด้วย การป้องกันเบื้องต้น หากออกนอกบ้าน นอกอาคาร หรืออยู่ตามท้องถนน ก็ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือ Mask ที่มีค่าป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วย

หรือบางท่านใช้เวลาอยู่บนรถยนต์นานๆ หากรถยนต์คันไหนไม่มีไส้กรองแอร์ ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจได้เช่นกัน และจะทำให้แอร์รถยนต์เต็มไปด้วยเศษละอองฝุ่น หรือสิ่งสกปรกต่างๆ เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับระบบการทำงานของแอร์รถยนต์ และเป็นแหล่งสะสมของเชื่อลา มีกลิ่นเหม็นอับ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

ปัญหาที่เกิดจากการไม่มี ไส้กรองแอร์

  • สิ่งสกปรกต่างๆจะเข้าไปอุดดันบริเวณ คอยล์เย็นของแอร์ ทำให้แรงลมที่พัดลมของแอร์พัดมายังห้องผู้โดยสารเบา เพราะมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดดันคอยล์แอร์จำนวนมาก ซึ่งแอร์รถยนต์จะมีระบบการทำงานโดยให้พัดลมเป่าเอาอากาศไปที่คอยล์เย็น เพื่อทำให้ลมเป็นตัวนำความเย็นไปสู่ห้องผู้โดยสารนั้นเองครับ หรือมีรถบางรุ่นบางยี่ห้อมีระบบ การทำงานต่างจากนี้คือใช้ตัวพัดลมดูดความเย็นส่งไปยังห้องผู้โดยสาร ซึ่งระบบนี้ใช้ไปนานๆ จะมีพวกฝุ่นระออง หรือขนสัตว์ต่างๆหลุดเข้าไปติดที่คอยล์เย็น เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่ายๆ
  • ทำให้ห้องผู้โดยสารไม่เย็นหรือความเย็นไม่ทั่วถึง และเป็นสาเหตุให้แอร์ทำงานหนัก หากความเย็นส่งไปไม่ทั่วถึงบริเวณห้องของผู้โดยสาร ทำให้เราต้องมีการปรับ/เร่งแอร์ให้แรง ทำให้ระบบการทำงานของแอร์ทำงานหนักมากขึ้น ซึ่งผลให้ลดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ของแอร์ลงด้วย
  • เพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา แน่นอนว่าหากแอร์รถยนต์เรามีปัญหาหรือไม่มีความเย็น เราก็ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ หรือร้าน เพื่อตรวจเช็ค-เติมน้ำยาแอร์ หรือบางรายถึงขั้นล้างแอร์รถเลย แน่นอนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทั้งนั้น จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอาการด้วยครับ

ประโยชน์และความสำคัญของ ไส้กรองแอร์

  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของคอยล์เย็น ไม่ให้แอร์ตันจากฝุ่นละออง
  • กรองฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกอันเป็นปัจจัยของการเกิดเชื้อโรคต่างๆ
  • ช่วยให้อากาศในรถสะอาดสดชืนลดปัญหาภูมิแพ้
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นของระบบแอร์รถยนต์

ดังนั้นรถยนต์ของเราจึ่งต้องมีไส้กรองแอร์ และควรใช้ไส้กรองแอร์ที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศของรถยนต์ หรือหลีกเลี่ยงการติดเชื่อโรคทางเดินหายใจ และเพื่อสุขภาพที่ดีของเราด้วยนะครับ

ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์โตโยต้า กรุงไทย


นัดหมายเช็กระยะ หรือเปลี่ยนไส้กรองแอร์ ได้ที่นี่  นัดหมายเช็กระยะ / เปลี่ยนไส้กรองแอร์


Express-Maintenenace-thumbnail

เช็กระยะทันใจใน 60 นาที (Express Maintenenace)

Express-Maintenenace

ศูนย์บริการโตโยต้า กรุงไทย มีความใส่ใจทุกรายละเอียดในการให้การบริการกับลูกค้า ที่มาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการและเพื่อให้ความมั่นใจว่ารถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพดี และพร้อมใช้งานมากที่สุด การใส่ใจทั้งเวลาและคุณภาพ ด้วยมาตรฐานการทำงานขั้นสูง รถของคุณจึงสามารถเช็กระยะเสร็จ ภายในระยะเวลา 60 นาที

เช็กระยะทันใจใน 60 นาที (Express Maintenenace) กับศูนย์โตโยต้า กรุงไทย ง่ายๆเพียง 3 ขั้นตอนดังนี้

1. นัด: เพียงคุณนัดหมายล่วงหน้า ที่เบอร์ 0-2510-9999, 08-6355-7144 หรือผ่านระบบออนไลน์
2. รอ: เมื่อคุณนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์โตโยต้า กรุงไทย เจ้าหน้าที่จะนำรถของท่านเข้ารับการตรวจเช็กทันที และเสร็จภายในเวลา 60 นาที
3. รับ: รถของคุณก็ ทำการเช็กระยะแล้วเสร็จทันใจใน 60 นาที (Express Maintenenace) และสามารถรับรถได้ทันที

บริการเช็คระยะทันใจใน 60 นาที บริการดีๆสำหรับคนรักรถ ใช้เพียงเวลา 60 นาทีเท่านั้น ก็สามารถเช็คระยะได้อย่างมั่นใจ เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเช็กระยะทันใจใน 60 นาที กับศูนย์บริการโตโยต้า กรุงไทย

สามารถนัดหมายล่วงหน้าผ่านช่องทาง ดังนี้

car tire_1200x675px

พฤติกรรมที่ทำให้ ยางรถยนต์ เสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด