Tag Archive for: hilux

พวงมาลัยรถทำงานอย่างไร

พวงมาลัยรถโตโยต้า

ทำความรู้จัก! การทำงานของระบบพวง มาลัยรถยนต์
พบกันอีกเช่นเคยกับบทความสำหรับผู้รักรถยนต์ โดยในวันนี้ทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย ก็ไม่พลาดนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์มาฝากเช่นเคย อุปกรณ์อีกหนึ่งชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ เพราะถ้าไม่มีตัวนี้แล้ว รถของท่านอาจจะไม่สามารถขับเคลื่อนไปไหนก็ได้ แน่นอนซึ่งนั่นก็คือ พวงมาลัยรถยนต์ นั่นเองครับ พวงมาลัยรถยนต์ถือว่าเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในรถยนต์เลยครับ เพราะทำหน้าที่ควบคุมให้รถยนต์ไปตามทิศทางที่กำหนดและยังเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำความรู้จักมันให้มากๆเลยทีเดียว

ซึ่งส่วนประกอบที่สำคัญของระบบพวงมาลัย ได้แก่ พวงมาลัย, ขายึดแกนพวงมาลัย, แกนพวงมาลัย, หน้าแปลนพวงมาลัย, ยางข้อต่อ, กระปุกพวงมาลัย, แขนเกียร์พวงมาลัย, คันชักคันส่งกลาง, คันชักคันส่งข้าง , แขนดึงกลับ และกระปุกพวงมาลัย

รู้หรือไม่ครับว่า พวงมาลัยรถยนต์ในหลายๆค่ายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นิยมใช้กันหลายแบบโดยจะมีรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น

แรคแอนด์พีเนียน ซึ่งเจ้าพวงมาลัยชนิดนี้ จุดเด่นก็คือ ต้นทุนไม่แพง เป็นระบบการบังคับเลี้ยวชนิดหนึ่ง แบบสะพานมีเฟือง กับเฟืองหมุนขนาดกะทัดรัด ใช้พื้นที่น้อย แถมยังตอบสนองการขับขี่ไวอีกด้วย

แบบบอลล์แอนด์นัท พวงมาลับแบบนี้มักจะนิยมใช้ในรถกระบะบางรุ่น อย่างเช่น โตโยต้า รีโว่ (Toyota Revo) หรือรถบรรทุกยี่ห้อดังหลายๆเจ้า รถโดยสารขนาดใหญ่ โดยการทำงานของเจ้าพวงมาลัยนี้จะมีชุดวาล์วเพื่อควบคุมทิศทางน้ำมันไฮดรอลิกส์แบบโรตารี่ ควบคุมการทำงานด้วยแรงหมุนพวงมาลัยจากผู้ขับร่วมกับความฝืดของยางรถยนต์กับพื้นถนน ซึ่ีงจะอาศัยการบิดตัวของทอร์ชันบาร์สปริง ข้อดีของขวงมาลัยแบบ แบบบอลล์แอนด์นัท นี้ คือทนมากกว่าแบบ แรคแอนด์พีเนียน ครับ

พวงมาลัยแบบเพาเวอร์ เป็นพวงมาลัยชนิดสุดท้ายที่ถูกผลิตมาใช้ในท้องตลาดครับ ซึ่งปัจจุบันมีย่อยลงไปอีก 3 แบบ ได้แก่

1. แบบใช้น้ำมันอย่างเดียว เรียกว่า แบบไฮดรอลิกส์

2. แบบไฮดรอลิกส์ร่วมกับไฟฟ้า

3. แบบไฟฟ้าใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบไม่มีน้ำมันเพาเวอร์ สายพานหรือปั๊มเพาเวอร์คอยดึงกำลังจากเครื่องยนต์มาช่วย แต่จะเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเข้ามาช่วยในการเลี้ยวและหมุนพวงมาลัยได้สะดวกยิ่งขึ้น ข้อดีของเจ้าพวงมาลัยนี้ทำให้รถประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิิม อีกทั้งยังลดภาระเครื่องยนต์ไม่ต้องบำรุงรักษาตามระยะ แต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องเสียค่าซ่อมแพงหูฉี่เลยทีเดียว

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับพวงมาลัยรถยนต์ ที่ทางทีมงานได้นำมาเสนอ คาดว่าคงจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการขับขี่ ส่งผลไปถึงความปลอดภัยของรถยนต์ พวงมาลัยรถยนต์ ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่รถยนต์หลายค่ายต่อหลายค่าย แข่งขันกันผลิตออกมาให้ใช้งานดีที่สุดและทันสมัยที่สุด เพื่อตอบโจทย์ของการใช้รถยนต์ในยุคนี้มากที่สุดครับ ทั้งนี้ รถยนต์โตโยต้า ของเราก็ให้ความสำคัญกับการผลิตพวงมาลัยรถยนต์ให้ออกมาตอบสนองความต้องการ และได้มาตรฐานความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งานมากที่สุดเช่นกัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย


โปรแรงๆ ขวัญใจ กระบะ Revo


ติดตามข่าวสาร โปรโมขั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่ใช้รถเกียร์ธรรมดา

รถเกียร์ธรรมดา มี 5 ข้อที่ต้องห้ามทำ

รถเกียร์ธรรมดา มี 5 ข้อที่ต้องห้ามทำ

1. ไม่เหยียบคลัทช์ค้างไว้ขณะจอดติดไฟแดง

ถึงแม้ว่าท่านผู้รักรถยนต์จะขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาส่วนใหญ่จะใส่เกียร์ว่างขณะรถจอดติดไฟแดง เพราะไม่อยากเหยียบคลัทช์ให้เมื่อยขา แต่บางคนก็เลือกที่จะเข้าเกียร์พร้อมกับเหยียบคลัทช์ค้างเอาไว้ในบางโอกาส เนื่องจากต้องการความรวดเร็วในการออกตัว แต่การเหยียบคลัทช์ค้างไว้นั้น จะทำให้ลูกปืนคลัชท์เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น ทางที่ดีจึงควรใส่เกียร์ว่างทุกครั้งเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งดีกว่าครับ

2. ใช้เกียร์สูงขณะที่ความเร็วต่ำ

ท่านผู้รักรถยนต์ไม่ควรใช้เกียร์สูงในขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ อย่างเช่น ท่านกำลังใช้เกียร์ 5 ขณะที่ท่านขับขี่ด้วยความเร็วต่ำเพียง 40 กม./ชม. โดยเฉพาะการเหยียบคันเร่งจมมิด เพราะจะเป็นการฉุดกำลังเครื่องยนต์ เร่งไม่ขึ้น อีกทั้งยังเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุอีกด้วย ทางที่ดีควรใช้ตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมในแต่ละย่านความเร็วครับ

3. ไม่ควรวางมือไว้บนคันเกียร์

หลายท่านมักจะเกิดความเคยชินด้วยการใช้คันเกียร์เป็นที่พักมือทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ซึ่งในกรณีเกียร์ออโต้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับเกียร์ธรรมดานั้น หากกดน้ำหนักมือมากจนเกินไป จะสร้างแรงกดไปยังก้ามปูเกียร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหลวมจนเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรดังนั้นแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือ ไม่ควรวางมือไว้บนคันเกียร์ เลยจะดีที่สุดครับ

4. ไม่เร่งเครื่องขณะจอดติดทางชัน

ถ้าหากท่านผู้รักรถยนต์ได้จอดติดบนทางชันนั้น ท่านไม่ควรใช้วิธีเร่งเครื่องเพื่อป้องกันรถไหล เพราะอาจทำให้คลัทช์ไหม้ได้ ทางที่ดีควรเหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง แล้วจึงดึงเบรกมือค้างไว้ หากกลัวว่ารถจะไหลไปข้างหลังขณะออกตัว ให้ใช้วิธีดึงเบรกมือจนสุด เร่งเครื่องยนต์ตามปกติ จากนั้นจึงปลดเบรกมือลง จะช่วยให้รถไม่ไหลลงทางชัน แต่ทางที่ดีควรฝึกขับเกียร์ธรรมดาให้คุ้นชิน เพื่อจะได้กะระยะปล่อยคลัทช์ได้อย่างแม่นยำครับ

5. ไม่วางเท้าบนแป้นคลัทช์

เป็นข้อห้ามสุดคลาสสิกสำหรับรถเกียร์ธรรมดาเลยก็ว่าได้ เพราะการวางเท้าบนแป้นคลัทช์ด้วยน้ำหนักมากจนเกินไป จะทำให้ชุดคลัทช์เกิดการเสียดสีจนทำให้คลัทช์หมดได้ บางกรณีอาจทำให้เกิดอาการคลัทช์ไหม้ได้อีกด้วยจะสังเกตได้จากกลิ่นนั้นเองครับ

     เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับวิธีที่ทางทีมงานได้นำมาแนะนำกันในบทความนี้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ท่านผู้รักรถยนต์เองก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองครับ ซึ่งถ้าหากรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น จนผู้ที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติต้องอิจฉาแน่นอนครับ ท่านสามารถพบกับบทความแบบนี้ ซึ่งจะมาพร้อมกับ เกร็ดความรู้รถยนต์ ที่มี สาระความรู้รถยนต์ สำหรับคราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นต้องคอยติดตามกันครับ

      นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย


โปรแรงๆ ขวัญใจ กระบะ Revo


ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่มีรถเกียร์ออโต้

5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่มี รถเกียร์ออโต้5 สิ่งที่ห้ามทำสำหรับคนที่มีรถเกียร์ออโต้

1.เมื่อจะต้องหยุดรถเป็นระยะเวลานานๆ ท่านไม่สมควรใส่เกียร์ไว้ในตำแหน่ง D ค้างไว้ ถึงแม้กระนั้น ท่านควรที่จะเลื่อนไปตำแหน่งเกียร์ N หรือ P แล้ว ดึงเบรกมือไว้ การที่ท่านใส่เกียร์ D ค้างไว้เป็นระยะเวลานานๆแล้ว มันจะส่งผลให้เกิดความร้อนสะสม ซึ่งทำให้องค์ประกอบด้านในชุดห้องเกียร์เกิดความเสียหาย อีกทั้งยังลดอายุการใช้งานให้สั้นลด ซึ่งนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้

2.เกียร์ออโต้ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จะมีโหมดให้เลือกเปลี่ยนเกียร์เองเหมือนเกียร์แมนนวล ในส่วนนี้จะทำให้ประสิทธิภาพการตอบสนองนั้นสู้เกียร์แมนนวลแท้ ๆ แบบมีคลัตช์ไม่ได้ ทำให้หลายคนชอบลากรอบเครื่องยนต์ให้สูง แล้วค่อยชิพเปลี่ยนเกียร์ที่คันเกียร์ หรือแพทเดิลชิพที่พวงมาลัยหรือวิ่งด้วยความเร็วสูงแล้วเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ทำให้รอบเครื่องสูงไม่สัมพันธ์กับความเร็ว จะทำให้เกียร์ได้รับความเสียหายได้ ควรใช้ตำแหน่งเกียร์และความเร็วที่เหมาะสมสัมพันธ์กัน ไม่ควรใช้รอบเครื่องยนต์สูงโดยไม่จำเป็น

3. การใช้เกียร์ออโต้ในตำแหน่ง 1 หรือ L นั้น ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ จริงๆแล้ว กรณีนี้ควรจะใช้ในกรณีที่ต้องการแรงบิดที่มากขึ้นเวลาขึ้นทางลาดชัน ติดหล่ม ลากรถขึ้นจากหล่ม หรือเวลาลงทางชัน ต้องการใช้เอ็นจินเบรก แทนการใช้เบรกที่ล้อที่จะเกิดความร้อนสะสมได้ การใช้เกียร์ออโต้ในตำแหน่ง 1 หรือ L นั้น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะทางไกล ๆ เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสะสมในห้องเกียร์ได้ซึ่งนำมาให้ระบบเกียร์เกิดความเสียหายได้ในระยะยาว

4. การขับรถเกียร์ออโต้นั้น ถ้าผู้ขับขี่ไม่มีความชำนาญหรือความคุ้นเคยกับเกียร์ออโต้ของรถแต่ละคันแล้วจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน สำหรับในการคิ๊กดาวน์ หรือชิพดาวน์เพื่อต้องการอัตราเร่งเพื่อแซงรถคันหน้านั้น การตอบสนองของรถแต่ละยี่ห้อและรุ่นตอบสนองไม่เหมือนกัน บางรุ่นตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ บางรุ่นจะมีหน่วงอยู่บ้าง ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้และมีสร้างความคุ้นเคยกับรถที่ขับให้เป็นอย่างดี การเร่งแซงที่ผิดจังหวะ หรือกะระยะไม่ดี จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

5. เกียร์ออโต้ก็ต้องการบำรุงรักษาเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยนต์ สำหรับการบำรุงรักษาโดยปกติจะเป็นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ควรเปลี่ยนตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด อย่าฝืนใช้เกินกำหนดเป็นระยะทางเป็นเวลานาน บรรดาเศษโลหะจะสะสมในห้องเกียร์มากขึ้น และจะทำให้ระบบเกียร์ทำงานไม่ได้สมบูรณ์การระบายความร้อนห้องเกียร์ก็จะทำได้ไม่เต็มที่ อายุการใช้งานสั้นลง ต้องเข้าโรงซ่อมเพียงอย่างเดียวและเมื่อต้องซ่อมเกียร์จะเสียทั้งเวลาและเงินไปโดยใช่เหตุ

และสำหรับการดูแลและรักษายืดอายุการใช้งาน เกียร์ออโต้ นั้นทำได้ไม่ยากเพียงแค่ท่านผู้รักรถยนต์ลองฝึกและปฏิบัติตาม สร้างความคุ้นเคยกับ เกียร์ออโต้  ในรถยนต์ของท่านกันถึงแม้ท่านจะขับรถยนต์ได้คล่องขนาดไหน แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ยังมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอท่านสามารถติดตาม เกร็ดความรู้รถยนต์ และ สาระความรู้รถยนต์ ได้ที่เว็บไซต์ โตโยต้า กรุงไทย ซึ่งคราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องคอยติดตาม

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย


โปรแรงๆ ขวัญใจ กระบะ Revo


ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

ECO Mode ใน Hilux Revo มีดียังไงและทำงานอย่างไร

ECO Mode toyota revo

ECO Mode ในรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ มีดียังไง ?

สำหรับ ECO Mode ในรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ คือการปรับเครื่องยนต์ให้เข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ประหยัดขึ้นนั่นเอง ซึ่งวิธีการทำงานของปุ่ม ECO Mode คือ เมื่อมีการใช้งานใน ECO Mode แล้ว สัญญาณจะส่งไปยังกล่อง ECU ของตัวรถและสั่งการให้เครื่องยนต์ในโหมดประหยัด เช่น อัตราการฉีดของน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังห้องเครื่องก็จะฉีดน้อยลงเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน (ลดการกินน้ำมันลงนั่นเอง) ซึ่งในโหมดนี้ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของอัตราเร่งในรถยนต์ หมายความว่าเมื่อใดที่ท่านผู้ขับขี่เปิดการใช้งานโหมดนี้แล้วรถของท่านจะกดคันเร่งแล้วเร่งไม่ได้ไม่ได้ เพียงแต่โหมดจะทำการเร่งรอบเครื่องยนต์ให้ท่านก่อน หลังจากที่ท่านกดคันเร่งแล้ว ECO Mode ก็จะปรับรอบเครื่องยนต์ให้เครื่องยนต์กลับมาอยู่ในโหมดการขับขี่ที่ประหยัดอยู่นั่นเอง

การทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

การทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

หลักการทำงานของไฟ ECO บนหน้าจอ MID

หลักการทำงานของไฟ ECO Mode ในหน้าจอของรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ คือเมื่อท่านทำการสตาร์ทเครื่องยนต์และมีการขับขี่ ไฟแสดงสถานะ ECO จะติดบนหน้าจอ MID แสดงให้เห็นว่าเป็นช่วงเวลาของการขับที่ประหยัดน้ำมัน เช่น ตอนเหยียบคันเร่งน้อยๆ หรือท่านกำลังค่อยๆ เหยียบคันเร่ง รวมไปถึงเมื่อการขับขี่ใช้ความเร็วคงที่และสม่ำเสมอ โดยที่ตัวเครื่องยนต์ไม่มีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนใดๆ ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อทำให้ประหยัดน้ำมันซึ่งใน รถโตโยต้า อย่างตัว โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว ขึ้นไปแล้ว ปุ่ม ECO Mode จะมีให้เลือกเปิดปิดได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ ซึ่งปุ่มควรคุมนั้นจะอยู่ตรงด้านขวาของคันเกียร์ สำหรับรถที่ใช้เกียร์ออโต้ แต่สำหรับเกียร์ธรรมดาจะอยู่ติดกับที่วางแก้วน้ำตรงกล่องเก็บของตรงกลางระหว่างผู้โดยสารและคนขับนั่นเอง

ไฟบ่งบอกถึงการทำงานอยู่ในโหมด ECO

สำหรับ ECO Mode ที่มีมากับรถยนต์ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว นั้นขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานของผู้ขับขี่ เพราะตัว ECO Mode นั้นได้ถูกออกแบบมาให้เครื่องยนต์มีการทำงานที่ประหยัดมากขึ้นจากเดิมแต่ถ้าจะให้ขับขี่ประหยัดจากโหมด ECO ไปอีกนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับขับขี่ในส่วนของบุคคลครับและท่านยังสามารถเข้ามาใช้บริการทดลองขับ ไฮลักซ์ รีโว หรือ Test Drive ได้ที่ โตโยต้า กรุงไทย สาขารามอินทรา, สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

การดูแลรักษาสีรถยนต์ด้วยตัวเอง

การดูแลรักษาสีของรถยนต์

การดูแลรักษาสีของรถยนต์ Revo

  1. ฝุ่นควันและสิ่งสกปรก ในส่วนของการดูแลส่วนนี้แนะนำให้ล้างรถเพื่อล้างคราบสกปรกออก ซึ่งวิธีนี้เป็นการดูแลรักษาสีของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
  2. การล้างรถ เหตุผลข้อนี้เพื่อป้องกันจากคราบเศษวัสดุต่างๆที่ต้องเจอบนท้องถนน ซึ่งการล้างรถที่ดีนั้นควรใช้น้ำยาล้างรถเพื่อล้างคราบสิ่งสกปรกด้วย เพื่อเป็นการถนอมสีของรถยนต์ให้มีความสดใหม่อยู่ตลอด โดยวิธีการล้างที่ถูกต้อง ควรล้างจากด้านบนไล่ลงมาด้านล่างเสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้ และที่โล่งแจ้งที่ไม่มีอะไรกำบัง สาเหตุก็เป็นเพราะแดด ฝน และลม นั้นจะทำให้สีรถของท่านซีดอย่างรวดเร็ว และการจอดใต้ต้นไม้ก็อาจจะทำให้มีเศษกิ่งไม้ ยางจากใบไม้ และมูลสัตว์จากแมลงต่างๆหล่นใส่ของท่าน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้สีของรถยนต์ท่านเสื่อมสภาพเร็วนั่นเอง
  4. ยางมะตอย คือศัตรูตัวฉกาจ ที่จะทำให้สีรถของท่านเสื่อมเร็วกว่ากำหนดและเป็นสิ่งที่ทำร้ายสีรถ ชนิดที่ท่านอาจจะปวดหัวเลยทีเดียว ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ดี คือหลังจากที่มีการใช้งานรถผ่านในเส้นทางทีมีการราดยางมะตอยเสร็จใหม่ๆ ให้ท่านทำการล้างรถโดยการน้ำฉีดบริเวณที่ยางมะตอยติด เพื่อให้ยางมะตอยอ่อนตัวลง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำมันสนหรือสเปรย์ขจัดคราบ ค่อยๆเช็ดบริเวณรอยเปื้อนคราบยางมะตอยจะหลุดออกอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นล้างรถบริเวณที่รอยเปื้อนอีกครั้ง และใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดตามปกติ เพียงเท่านี้สีรถของท่านก็จะกลับมาสวยงามอีกครั้ง
    ข้อสำคัญคือ อย่าปล่อยให้ยางมะตอยติดกับสีรถของท่านเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้สีรถของท่านเกิดความเสียหาย และล้างออกได้ยากขึ้นกว่าเดิม
  5. การขัดเคลือบสี สำหรับท่านที่ใช้รถมานานๆแล้ว อย่างน้อยต้องมีการขัดเคลือบสีรถของท่านอย่างน้อยปีล่ะ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานของรถ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการการดูแลรักษาสีรถด้วยตัวท่านเองที่ทางทีมงาน
โตโยต้า กรุงไทย ได้แนะนำ เพื่อให้สีรถที่ดูสดใสและสะอาดไปได้ยาวนาน อาจเป็นเรื่องที่ต้องเสียเวลาสักหน่อย แต่ก็ช่วยรักษาสีรถยนต์ของเราให้มีอายุยาวนานขึ้นได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ท่านสามารถนำรถของท่านมาใช้บริการได้ทั้ง 3 สาขา โตโยต้า กรุงไทย สาขารามอินทรา, สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และ สาขาตลิ่งชัน

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการอื่นๆจาก ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย