เรื่อง

เกิดเหตุฉุกเฉิน รถยางแตกกลางทาง ควรทำอย่างไร

รถยนต์ยางแตกเป็นเหตุฉุกเฉินที่ผู้ขับขี่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัวแน่นอน อาจทำให้ผู้ขับขี่เกิดอาการตกใจ ควบคุมสถานการณ์ได้ยากลำบากและอาจเกิดเป็นอุบัติเหตุอื่นๆตามมาได้  

รถยางแตกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นยางเสื่อมสภาพ ยางหมดอายุการใช้งาน มีรอยปริแตก ฉีกขาด เกิดจากการบรรทุกของหนักเกินไป ขนาดยางที่ไม่พอดี ใช้ยางกับรถผิดประเภท หรือเหยียบของมีคมโดยไม่รู้ตัว 

ผู้ขับขี่ควรทำการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายางแตกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นผู้ขับขี่ควรสังเกตอาการเบื้องต้นของรถก่อนยางระเบิด อาทิเช่น เกิดอาการสั่นสะเทือนโดยไม่ทราบสาเหตุ รถเริ่มบังคับได้ยากโดยเฉพาะจังหวะเลี้ยว อาการเหล่านี้บ่งบอกว่ายางรถกำลังร้อนจัด และเริ่มบวมออกมา หากรถมีอาการดังกล่าวควรรีบหยุดรถและตรวจเช็คทันที 

วิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉิน รถยางแตกกลางทาง ควรทำอย่างไร

– หากยางแตกกลางทางโดยไม่ทันตั้งตัว สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ จับพวงมาลัยให้มั่นคงไว้ ห้ามดึงเบรกมือ เพราะจะทำให้รถหมุนเคว้งได้

– อย่าเหยียบเบรกกะทันหันเด็ดขาด ให้แตะเบรกเบาๆ และเปิดไฟฉุกเฉินเป็นสัญญาณเตือนรถที่มาข้างหลัง ว่ารถของเรากำลังมีปัญหา

– ประครองรถจนความเร็วลดลงในระดับที่ปลอดภัย และเข้าจอดข้างทาง

– เมื่อรถจอดในที่ปลอดภัยแล้ว ให้พิจารณาว่าควรเปลี่ยนยางอะไหล่เอง หรือโทรเรียกช่างมาดำเนินการให้ 

ยางแตกกลางทางอาจฟังดูน่ากลัว แต่ถ้ารับมือได้อย่างมีสติ ก็จะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ไปได้แน่นอน อย่างไรก็ตามการป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า ผู้ขับขี่ควรศึกษาวิธีการเปลี่ยนยางอะไหล่ และมีอุปกรณ์ซ่อมแซมกรณีฉุกเฉินติดรถไว้เสมอ

 

ฉลอง10ล้านคัน

Toyota Yaris ผลิตครบ 10 ล้านคัน จากการผลิตมากว่า 25 ปี

Toyota ฉลองToyota Yaris ผลิตครบ10 ล้านคัน จากการผลิตมากว่า 25 ปี

Toyota yaris เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 4 ด้วยยอดการผลิต10ล้านคัน จากการผลิตมากว่า 25 ปี และพึ่งฉลองยอดการผลิตครบ 10 ล้านคันไปเมื่อไม่นาน

Toyota yaris
Toyota yaris
รุ่นแรกเปิดตัวที่งาน Paris Motor Show เมื่อปี 1998 และเป็นรุ่นที่ได้รับรางวัล European Car of the Year ในปี 2000 ทำให้ได้รับความนิยมในตลาดยุโรปตั้งแต่ตอนนั้นเรื่อยมา
รุ่นแรกยังคงอยู่จนถึงปี 2005

สำหรับเจนที่ 2  YARIS TS เป็นรุ่นที่เน้นสมรรถนะมากกว่าเล็กน้อยเปิดตัวในปี 2006
มี
การยกเครื่องใหม่ทั้งหมดให้มีขนาดเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นมาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 130 แรงม้า และเป็นรุ่นที่เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย โดยมีจุดเด่นอย่างด้านหน้ามีกระจังหน้าใหญ่ และโคมไฟเลี้ยวหลังสีขาว มี 4 รุ่นย่อย คือรุ่น J E G S และรุ่นพิเศษ TRD Sportivo

แหละยกระดับมาเป็นเจน 3
Toyota Yaris เจนที่ 3 ยกระดับขึ้นมีขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดเต็มรูปแบบ
และยังได้สร้างรถมาสำหรับสายซิ่งอย่าง Toyota Yaris GRMN โดยพัฒนามาจาก Yaris GR มีการปรับชุดแต่งทั้งด้านนอกและด้านใน เน้นการปรับลดน้ำหนักแต่เพิ่มความแข็งแรงของตัวถัง รวมถึงขุมพลังเทอร์โบที่พัฒนาโดยทีม Toyota Gazoo Racing

มาถึงเจน 4 เปิดตัว ปี 2020 มีการออกแบบใหม่ เน้นให้มีความคล่องตัว
บนแพลตฟอร์ม Toyota New Global Architecture GA-B และมีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เจน4 ได้ถือกำเนิดYaris GR  มาพร้อม Yaris Cross ใหม่ ซึ่งเพิ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็น World Urban Car ประจำปี 2022 ใน World Car Awards อีกด้วย

yaris

รถเสียบนทางด่วน

รถเสียบนทางด่วน ควรทำอย่างไร

เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินรถเสียบนทางด่วน ควรทำอย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันเราจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางเกือบทุกวันหากเกิดเหตุฉุกเฉินบนทางด่วนไม่ว่าจะด้วยกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือ รถเสีย เราควรทำอย่างไร
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือเหตุไม่คาดคิดบนทางด่วนอาจทำให้คุณตกใจไม่น้อยและทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือตั้งสติอย่าตกใจจนเกินไปแล้วปฏิบัติดังนี้
เปิดไฟฉุกเฉิน นำรถเข้าไหล่ทาง
ในกรณีรถยางแตกห้ามเหยียบเบรคให้รถหยุดในครั้งเดียวโดยเด็ดขาด แต่ให้ค่อยๆแตะเบรคและ ปล่อยไหลประคองรถเข้าข้างทางจนจอดสนิท

– โทรขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1543
หลังจากโทรขอความช่วยเหลือที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ (EXAT Call Center) เบอร์ 1543 (สามารถโทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง) ควรนั่งอยู่ในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และควรล็อกประตูไว้ด้วย

– วางเครื่องหมายให้เป็นจุดสังเกต
เพื่อเป็นสัญลักษ์ให้รถคันหลังที่ตามมาทราบจะได้ระวังไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ หากมีกรวยสีส้ม หรือป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง ให้วางไว้ด้านท้ายและด้านหน้าของรถ โดยเว้นระยะห่าง จากรถอย่างน้อย 30-50 เมตร

-เบอร์ที่ควรรู้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนทางด่วน
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย โทร. 1543

ทางหลวงและมอเตอร์เวย์ โทร.1586

โทลล์เวย์ โทร. 1233

ตำรวจทางหลวง โทร. 1193

โทรฉุกเฉิน

ในกรณีที่โทรศัพท์มือถือเสียหายใช้งานไม่ได้ บนทางด่วนจะมีโทรศัพท์ฉุกเฉินตั้งอยู่ทุกๆ 500–1,000 เมตร
ขอความช่วยเหลือโดยแจ้งสาเหตุ อาการของรถหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงจุดที่นำรถเข้าจอดอย่างละเอียด รวมทั้งหากมีคนป่วยหรือบาดเจ็บ(ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ)ควรแจ้งด้วย และหากต้องการรถลากควรเเจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

Call Center : 02-510-9999

นัดหมายเข้าศูนย์บริการ Click : https://bit.ly/3PDOLgp

รับแคมเปญสำหรับซื้อรถใหม่ Click : https://bit.ly/3VB1VhO

Line @toyotakrungthai Click : https://lin.ee/i8Nhjbj

Facebook Toyota Krungthai Click : https://bit.ly/4aN5oiK

เช็คระยะ-โตโยต้า

ทำไมต้อง เช็คระยะรถที่ศูนย์บริการรถยนต์!!

การตรวจเช็กสภาพรถทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้เครื่องยนต์ อะไหล่ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ทำงานได้ดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

เช็คระยะ-โตโยต้า

ทำไมต้อง เช็คระยะรถที่ศูนย์บริการรถยนต์!!

การขับขี่รถยนต์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง การนำรถเข้าเช็คระยะเป็นประจำที่ศูนย์บริการรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
สำหรับรถใหม่ป้ายแดงจะมีกำหนดการเข้าเช็คระยะทุก 6 เดือน หรือที่ 10,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนก็สามารถนำรถเข้าเช็คได้เลย) เมื่อนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบว่า ระยะที่เท่าไร ต้องตรวจเช็คสภาพอะไหล่ส่วนไหน ตรงจุดใดบ้าง เพื่อป้องกันเครื่องยนต์หรืออะไหล่ส่วนต่าง ๆ มีปัญหา ซึ่งหากพบปัญหาจะได้ทำการแก้ไขอย่างทันท่วงที

การนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยนต์ มีผลต่อการเคลมประกัน
อะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์ด้วย หากลูกค้านำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยน์อย่างสม่ำเสมอตามระยะที่กำหนด หากพบปัญหาการเสื่อมสภาพของอะไหล่หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถ ก่อนหมดระยะรับประกัน(ภายใต้การใช้งานปกติ) ทางศูนย์บริการรถยนต์จะทำเคลมให้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับอะไหล่แท้และได้มาตรฐานตรงตามรุ่นรถที่ลูกค้าใช้อยู่เพื่อความปลอดภัย และแบ่งเบาภาระค่าใช้ที่ลูกค้าไม่ควรที่จะต้องจ่าย การนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการเป็นประจำจึงสำคัญ และเป็นผลดีต่อลูกค้ามากๆ ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและ สิทธิประโยชน์ของลูกค้า

เพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพที่ดีและยืดอายุการใช้งาน
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและของเหลวต่าง ๆ ตามระยะจึงจำเป็นมาก การเลือกน้ำมันเครื่องถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการรักษาเครื่องยนต์และการขับเคลื่อนของรถยนต์ การเปลี่ยนน้ำมันที่ศูนย์บริการรถยนต์ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าคือน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐานที่ดีที่สุดสำหรับรถของคุณ

แนะนำให้นำรถเข้าเช็คระยะตามที่กำหนด
เพราะหากมีอุปกรณ์ชิ้นไหนแตกหัก เสียหาย หรือเสื่อมสภาพ และต้องเปลี่ยนกรณีที่เลยระยะรับประกันไปแล้วลูกค้าจะไม่สามารถทำเคลมได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเอง จึงควรนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยนต์ตามที่คู่มือกำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัด

การเช็คระยะรถยนต์ยังช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของรถ ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ ทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพปลอดภัย และการนำรถเข้าศูนย์บริการรถยนต์ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า
อย่าลืมรักษาสิทธิ์ ด้วยการนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยนต์ตามระยะที่กำหนดกันนะ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

Call Center : 02-510-9999

นัดหมายเข้าศูนย์บริการ Click : https://bit.ly/3PDOLgp

รับแคมเปญสำหรับซื้อรถใหม่ Click : https://bit.ly/3VB1VhO

Line @toyotakrungthai Click : https://lin.ee/i8Nhjbj

Facebook Toyota Krungthai Click : https://bit.ly/4aN5oiK

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-บ่อยแค่ไหน-น้ำมันเครื่อง-โตโยต้า

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน เพื่อถนอมรักษาเครื่องยนต์

เพราะเครื่องยนต์เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ น้ำมันเครื่องจึงสำคัญมากเช่นกัน เพราะช่วยทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยหล่อลื่น ลดแรงเสียดทาน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ชำระล้างสิ่งสกปรกและยังช่วยป้องกันเครื่องยนต์ส่วนต่างๆ ไม่ให้สึกหรอ

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-บ่อยแค่ไหน-น้ำมันเครื่อง-โตโยต้า

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน เพื่อถนอมรักษาเครื่องยนต์

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
คือหนึ่งในสิ่งสำคัญของการดูแลถนอมรักษาเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ไม่มีปัญหาและยืดอายุการใช้งาน
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามการใช้งานของรถ รถใช้งานเยอะหรือน้อยแต่ละท่านใช้รถต่างกัน

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจึงแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
-เช็คตามระยะทางหรือเข็มไมล์ รถใช้เยอะขับเยอะวิ่งงานต่างๆ ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อบำรุงรักษาเครืองยนต์
-เช็คตามระยะเดือน สำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานไม่ค่อยได้ออกวิ่งก็ยังจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุก 6 เดือน เพื่อรักษาเครื่องยนต์ให้ไม่เกิดปัญหา

หากไม่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนานเกินไปหรือเกินระยะที่กำหนดไปมาก อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนและแรงเสียดทานจนทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ สึกหรอเร็วขึ้น หรือมีสิ่งสกปรกอุดตัน และยังอาจทำให้รถเป็นสนิมจนกัดกินลึกถึงเครื่องยนต์ได้ จะทำให้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ลดลง จนเป็นเหตุทำให้อะไหล่ชำรุดเสียหาย ทำให้ต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงที่แพงขึ้น เนื่องจากต้องเปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอหรือชำรุดอีกด้วย

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 6 เดือน หรือ ทุกๆ10,000 กิโลเมตร จึงจำเป็นและสำคัญมากในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์

***อย่าลืมตรวจเช็กน้ำมันเครื่องอยู่เสมอทั้งสี ระดับของน้ำมันเครื่อง หรือตรวจสอบว่าน้ำมันเครื่องมีจุดรั่วไหลหรือไม่***

รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมนำรถเข้าเช็คระยะ-เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ศูนย์บริการรถยนต์ ตามระยะและเวลาที่กำหนดกันด้วยนะ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

Call Center : 02-510-9999

นัดหมายเข้าศูนย์บริการ Click : https://bit.ly/3PDOLgp

รับแคมเปญสำหรับซื้อรถใหม่ Click : https://bit.ly/3VB1VhO

Line @toyotakrungthai Click : https://lin.ee/i8Nhjbj

Facebook Toyota Krungthai Click : https://bit.ly/4aN5oiK