แหล่งรวบรวมอัพเดทเรื่องราว สาระความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ ข่าวสาร เคล็ดลับยานยนต์ คลิปวิดีโอรีวิวรถยนต์โตโยต้า เทคนิคยานยนต์ เทคโนโลยีในรถยนต์โตโยต้า รีวิวรถโตโยต้า และเกล็ดความรู้ต่างๆจาก โชว์รูม – ศูนย์บริการมาตรฐานโตโยต้า กรุงไทย

จานเบรกขึ้นสนิม มีสาเหตุจากอะไร เป็นอันตรายหรือไม่?

ปัญหาจานเบรกขึ้นสนิม เกิดจากน้ำหรือความชื้น มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งหลังจากล้างรถหรือจอดรถไว้ในวันฝนตก ทำให้มีน้ำจับที่ผิวของจานเบรก เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติไม่ส่งผลต่อการใช้งาน ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้จานเบรกเสื่อมหรือหมดอายุการใช้งานและจะทำให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด 

สนิมที่เกิดขึ้นเรียกว่าสนิมแดง มีการกัดกร่อนน้อยมาก จานเบรกทำจากเหล็กหนาดังนั้นการกัดกร่อนจากเบรกแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย

วิธีแก้ปัญหาจานเบรกขึ้นสนิมง่ายๆเลยคือขับรถบ่อยๆ การใช้งานอยู่เสมอก็เหมือนการขัดสนิมออกจากจานเบรกไปในตัว ทุกครั้งที่มีการเหยียบเบรก ผ้าเบรกจะทำหน้าที่กำจัดสนิมเหล่านี้ออกไป ทำให้จานเบรกกลับมาสะอาด แรกๆอาจมีเสียงดังเล็กน้อย สักพักก็จะหายไป

ที่สำคัญคือ ไม่ควรนำสารหรือสเปรย์หล่อลื่นใดๆ มาฉีดบนจานเบรกเด็ดขาด จะทำให้เบรกลื่น ประสิทธิภาพการเบรกลดลง อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

ชุดแต่ง FORTUNER MODELLISTA ใหม่ ในราคาพิเศษ

ไปให้สุดกับชุดแต่งFORTUNER MODELLISTA ใหม่ ในราคาพิเศษ

ชุดแต่ง MODELLISTA เป็นชุดแต่งสุดพิเศษที่ได้รับการออกแบบจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท TCD Asia จำกัด  ชุดแต่ง MODELLISTA ออกแบบมาเพื่อ Fortuner Legender และ Fortuner Leader ในราคา 59,500 – 69,500 บาท

FORTUNER MODELLISTA
เป็นเจ้าของชุดแต่ง FORTUNER MODELLISTA ได้
-สำหรับติดตั้งในรุ่น Fortuner Legender ราคาพิเศษเพียง 59,500 บาท
-สำหรับติดตั้งในรุ่น Fortuner Leader ราคาพิเศษเพียง 69,500 บาท

FORTUNER MODELLISTA

สำหรับชุดแต่ง Modellista ประกอบด้วย
-สัญลักษณ์ MODELLISTA สีเปียโนแบล็ค
-ชุดแต่งกระจังหน้าและหลัง

-สปอยเลอร์กันชนหลัง
-สปอยเลอร์กันชนหน้า
-ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ลายใหม่ พร้อมยางขนาด 265/50 R20 เฉพาะรุ่น Leader
สามารถติดตั้งได้กับ FORTUNER MODELLISTA รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ปี 2565 ทุกรุ่น ยกเว้น รุ่น GR Sport ชุดแต่พร้อมติดตั้งดังกล่าวมีเฉพาะสีขาว Platinum White Pearl(แพลทินัมขาวมุก) และสีดำ Attitude Black Mica( แอตติจูด แบล็ค ไมก้า)เท่านั้น

FORTUNER MODELLISTA
ชุดแต่ง MODELLISTA จะติดตั้งโดย บริษัท ทีซีดี เอเชีย เซลส์ ซึ่งราคาดังกล่าว รวมค่าติดตั้งอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว งบไม่บานปลายแน่นอน สวยหรูถูกใจสายแต่งกันสุดๆไปเลย

ขับรถตอนฝนตก ถนนลื่นอย่างไรให้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง

การขับรถในขณะฝนตกต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกว่าการขับรถปกติ ด้วยวิสัยทัศน์การมองเห็นที่ยากขึ้น ถนนลื่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในหน้าฝนอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น จึงขอแชร์เทคนิคการขับรถเมื่อเจอฝนตกถนนลื่น เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถขณะฝนตก ดังนี้

เทคนิคการขับรถเมื่อเจอฝนตก ถนนลื่น

  1. เปิดไฟหน้า-ไฟท้าย

      การขับรถตอนฝนตกบนท้องถนนร่วมกับคันอื่นๆ จำเป็นต้องเปิดไฟหน้าและไฟท้าย เพื่อให้รถที่ตามมาข้างหลังเห็นเราชัดขึ้น ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

      – การเปิดไฟหน้า ควรใช้สัญญาณไฟปกติ หากมีไฟตัดหมอก สามารถเปิดได้ แต่ไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่า ไฟกระพริบ เพราะจะทำให้รถคันที่ตามมาไม่รู้ว่ารถของเรากำลังจอดหรือขับอยู่บนถนน อาจทำให้เกิดการชนท้ายได้

      – ไม่ควรเปิดไฟหน้าสูง เพราะจะทำให้รถที่วิ่งสวนทางมาโดนไฟส่องแยงตา ทำให้ตาพล่ามัวมองถนนได้ไม่ชัด อาจเกิดอุบัติเหตุได้

  1. การเปิดที่ปัดน้ำฝน

      ที่ปัดน้ำฝนจำเป็นอย่างมาก ช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางบนถนนในขณะที่กำลังขับรถฝ่าฝน ซึ่งถ้าฝนตกปอยๆ ไม่หนัก อาจเลือกให้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียว หรือปัดสองครั้งหยุด แต่ถ้าฝนตกหนัก ต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์การมองเห็นให้ชัดเจนมากขึ้น

  1. รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า

      ฝนที่ตกจะไปชะล้างคราบดิน โคลน หรือคราบน้ำมันบนถนน เป็นสาเหตุทำให้ถนนลื่น จึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติในการขับขี่เป็น 2 เท่า เพื่อให้ระยะเบรกของเราสามารถหยุดรถได้ทัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยขณะขับรถ เพื่อความปลอดภัย

  1. ความเร็วในการขับขี่

      เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงการขับรถในขณะฝนตก แนะนำให้ใช้ความเร็วที่เหมาะสม ซึ่งความเร็วในระดับที่ปลอดภัยที่สุดคือ 40-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะเป็นความเร็วที่เราจะสามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถลได้

  1. ป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกรถ

      สาเหตุหนึ่งที่กวนใจขณะขับรถคือ การเกิดฝ้าที่กระจกเพราะทำให้บดบังทัศนียภาพการมองเห็นถนน มักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิเย็นจัด และการขับรถตอนฝนตกจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นจึงต้องรู้วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดฝ้าขณะขับรถตอนฝนตก ก่อนอื่นต้องสังเกตุว่าเกิดฝ้าขึ้นที่ภายนอกหรือภายในกระจกรถ คือหากอากาศภายในรถเย็นกว่าอากาศภายนอกรถ จะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านนอก  แต่ถ้าหากภายนอกรถเย็นกว่าอากาศภายในรถ จะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านใน  ดังนั้นจึงควรที่จะรักษาอุณหภูมิภายในและภายนอกรถให้เท่ากัน เพื่อไม่ให้เกิดฝ้ากระจก มีวิธีแก้ไขดังนี้

    – ปรับทิศทางแอร์ ไม่ให้หันไปโดนกระจกรถ

    – ปรับอุณหภูมิแอร์ภายในรถ เพื่อให้อากาศภายในและภายนอกรถเท่ากัน

    – ลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศเกิดการถ่ายเททำให้ฝ้าจางลง

    – ใช้ฝ้าหรือที่ปัดน้ำฝนเช็ด เพื่อลดฝ้าที่เกิดขึ้น    

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือ การหมั่นตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยตรวจสอบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝนให้ใช้ปัดกวาดน้ำฝนได้สะอาด ไม่มีรอยฝ้า หรือรอยขูดขีดบนกระจก รวมถึงหมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำอยู่เสมอ

5 เทคนิค ขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ลดค่าใช้จ่าย

หลายคนที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ทุกวัน ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเรื่องค่าน้ำมันรถได้ ราคาน้ำมันก็มีการปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เราสามารถประหยัดน้ำมันได้ด้วยตัวเอง เพียงนำเทคนิคการขับรถนี้ไปใช้ 

5 เทคนิคการขับรถช่วยประหยัดน้ำมัน

  1. ขับรถด้วยความเร็ว 80-90 กม./ชม. หากเราไม่ได้เร่งรีบในการเดินทาง ก็ไม่จำเป็นต้องขับเร็ว เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น การขับรถให้ความเร็วอยู่ที่ 80-90 กม./ชม. ช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการขับด้วยความเร็ว 95-100 กม./ชม
  1. ไม่บรรทุกของหนักเกินจำเป็น การบรรทุกของหนัก 10 กก. ในระยะทาง 25 กม. ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันได้ 40 ซีซี. นอกจากนี้การนำสัมภาระขึ้นไปผูกวางไว้บนหลังคา ส่งผลให้เพิ่มการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นการขับต้านลมขณะรถวิ่งนั่นเอง
  1. วางแผนการเดินทาง ควรศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนการเดินทาง จะช่วยให้ขับรถถึงที่หมายเร็วขึ้น เป็นเทคนิคช่วยประหยัดน้ำมันอีกทางหนึ่ง รวมถึงช่วยให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด เพราะรถติดเพียงครึ่งชั่วโมง สามารถสิ้นเปลืองน้ำมันได้มากถึง 750 ซีซี.
  1. ควรเติมลมยางให้ตรงตามมาตรฐาน ตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไม่ควรปล่อยให้ความดันลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน เพราะทุก 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ หากลมยางแข็งเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ได้
  1. สตาร์ทเครื่องไม่เปิดแอร์ – ปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาที หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์และเครื่องเสียง พร้อมกันขณะสตาร์ทเครื่อง เพราะเท่ากับเพิ่มภาระให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันถึง 10 เปอร์เซ็นต์  และการปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาทีก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อีก 30 ซีซี.ด้วย

หากนำเทคนิคการขับรถให้ประหยัดน้ำมันนี้ไปใช้ จะพบว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายการสิ้นเปลืองน้ำมันได้จริง ซึ่งจำเป็นมากในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

5 เทคนิคง่ายๆช่วยดูแลถนอมช่วงล่างให้หายห่วง

 

ช่วงล่างของรถทำหน้าที่รองรับน้ำหนักการบรรทุก และแรงสั่นสะเทือนเวลาขับขี่ รวมถึงเป็นตัวขับเคลื่อนในหลายๆอุปกรณ์ ให้รถยนต์สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า การบำรุงรักษาช่วงล่างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

ขอแนะนำ 5 เทคนิคง่ายๆที่จะช่วยถนอมช่วงล่างของรถยนต์

  1. ในขณะขับขี่ให้สังเกตุพื้นผิวถนน หากมีความเสียหาย มีหลุม ขรุขระ ควรชะลอความเร็วในการขับขี่ ไม่ควรใช้ความเร็วเกินไป
  2. ไม่บรรทุกของหนักเกินจำเป็น ส่งผลต่อช่วงล่างและกลไกอื่นๆของรถ 
  3. หากต้องขับผ่านเส้นทางที่มีลูกระนาด หรือถนนลูกรัง หากรถบรรทุกหนัก ควรเหยียบเบรกเพื่อชะลอความเร็วก่อนที่จะถึงลูกระนาด และปล่อยเบรกขณะขึ้นลูกระนาด เพื่อลดแรงกระแทกต่อช่วงล่าง
  4. ควรเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งาน หากลมยางแข็งเกินไปช่วงล่างจะรับแรงกระแทกเยอะ แต่หากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้ระบบการบังคับเลี้ยวทำงานหนักกว่าปกติ
  5. เข้าตรวจเช็กสภาพช่วงล่างตามระยะที่แนะนำ เพื่อให้รถพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

หากปฏิบัติตามคำแนะนำก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานช่วงล่างได้ หากพบความผิดปกติเวลาขับขี่ เช่น มีเสียงดังผิดปกติ รถไม่นิ่ง การควบคุมพวงมาลัยไม่เหมือนเดิม เป็นสัญญาณบอกว่าช่วงล่างอาจมีปัญหา ให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการทันที