ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว รวบรวมทุกข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทาง social media จากเพจ โตโยต้า กรุงไทย Toyota Krungthai ให้ทุกโปรโมชั่นและข่าวสารดีๆ พร้อมเสิร์ฟถึงมือลูกค้า

พิสูจน์แล้ว! ไฮลักซ์ รีโว่ รถกระบะยอดประหยัดน้ำมันแห่งยุค จิบน้ำมันเพียง 26.3 กม./ลิตร ในสภาพการทดสอบขับจริง

พิสูจน์แล้ว! ไฮลักซ์ รีโว่ รถกระบะยอดประหยัดน้ำมันแห่งยุค จิบน้ำมันเพียง 26.3 กม./ลิตร ในสภาพการทดสอบขับจริง

ไฮลักซ์ รีโว่ ด้วยชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทางด้านความทนทาน ประหยัดน้ำมัน รับรองผลการทดสอบโดย ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ไฮลักซ์ รีโว่ ด้วยชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทางด้านความทนทาน ประหยัดน้ำมัน ​รถกระบะขนาด 1 ตัน ถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน รถกระบะรุ่นสำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย พบเห็นได้มากมายบนท้องถนนดูแลรักษาง่าย ราคาขายต่อดีเยี่ยม จึงเป็นขวัญใจชาวรถกระบะที่ใช้บรรทุกหนักเพื่องานอาชีพ รวมทั้งใช้งานอเนกประสงค์ และใช้เดินทางในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ ประหยัดน้ำมัน คุ้มค่าสูงสุด
โดยล่าสุดโตโยต้าได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพ และความประหยัดน้ำมันของรถกระบะ ไฮลักซ์ รีโว่ ทั้งรุ่นมาตรฐาน และรุ่นสมาร์ทแค็บ เครื่องยนต์ดีเซล2.4 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ GD SuperPower เทอร์โบแปรผัน ที่ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมพร้อมเทคโนโลยีระบบหัวฉีดน้ำมัน i-Art ควบคุมการจ่ายน้ำมัน โดยการปรับการฉีดน้ำมันเป็นละอองฝอยช่วยให้เผาไหม้หมดจด คุ้มค่าทุกบาท บนเส้นทางขนส่งหลักสายสำคัญของไทย ได้แก่ ถ.สายเอเชีย บางปะอิน – สิงห์บุรี ทำการทดสอบไปเมื่อวันที่ 10 – 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

การทดสอบเป็นการขับตามสภาพการจราจรปกติ ด้วยการต่อถังน้ำมันแยกออกมาต่างหากเพื่อให้มีความแม่นยำในการทดสอบ เปิดแอร์ภายในห้องโดยสารเย็นฉ่ำตลอดการทดสอบเหมือนสภาพการใช้งานจริง โดยมีการตวงวัดน้ำมัน ทั้งก่อน และหลังการทดสอบเพื่อความแม่นยำในการวัดผล ใช้รถกระบะ ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด เป็นรุ่นหลัก ในการทดสอบ ด้วยระยะทาง 127.2 กิโลเมตร ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์เฉลี่ย1,350 รอบ/นาที โดยการทดสอบทั้งสิ้น 2 วัน เป็นจำนวน 4 รอบ แล้วนำผลการทดสอบทั้งหมดมาหาค่าเฉลี่ย

ผลการทดสอบอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยประหยัดถึง 26.3 กม/ลิตร

รับรองผลการทดสอบโดย ผศ.ดร. อธิกร วงศธนวริศ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 

 

การแข่งขันทักษะการบริการ ลูกค้าโตโยต้า ครั้งที่ 45 ประจำปี 2566

ขอแสดงความยินดีกับทีมโตโยต้า กรุงไทย ที่ผ่านรอบคัดเลือกเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ทั้ง 6 ประเภทการแข่งขัน 

ในการแข่งขันทักษะการบริการ ลูกค้าโตโยต้า ครั้งที่ 45 ประจำปี 2566

  1. คุณ อนุสรณ์  ซาเฮาะ ประเภท ช่างเทคนิค ระดับสูง
  2. คุณ นฤกวิน ทวีสุข ประเภท ช่างเทคนิค พื้นฐาน
  3. คุณ ทัชชกร วรรณาสูตร์ ประเภท ผู้บริหารงานบริการ
  4. คุณ นันทพร ไทยงามศิลป์ ประเภท พนักงานลูกค้าสัมพันธ์
  5. คุณ ปวิตรา คล้ายพาลี ประเภท พนักงาน Call Center
  6. คุณ สิทธิพงษ์ อ่อนพลี ประเภท ผู้บริหารงานตัวถังและสี

 

เลือกแบบไหนดีระหว่าง ซ่อมศูนย์กับซ่อมอู่

การใช้งานรถยนต์เมื่อถึงเวลาเสื่อมอายุการใช้งาน จำเป็นต้องเอารถเข้าซ่อม แต่จะเลือกซ่อมศูนย์หรือซ่อมอู่ ก็ต้องพิจารณาจากความสะดวกและความต้องการของเจ้าของรถ

การซ่อมทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร แบบไหนคุ้มกว่า มีเทคนิคดีๆในการเลือกมาฝาก

การซ่อมศูนย์

การซ่อมศูนย์คือการนำรถเข้าไปซ่อมที่ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้นๆ โดยช่างซ่อมที่เป็นมืออาชีพผ่านการรับรองมาตรฐานจากทางศูนย์บริการแล้ว หากต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่ก็มั่นใจได้ว่าอะไหล่ที่ใช้จะเป็นอะไหล่แท้ของรถยนต์ยี่ห้อนั้น จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในมาตรฐานทั้งด้านการบริการและคุณภาพของอะไหล่ที่จะได้รับ และการซ่อมศูนย์ยังรับประกันงานซ่อมในระยะเวลาที่เหมาะสมด้วย โดยสามารถนำมาเข้าศูนย์บริการได้ทันทีหากเกิดปัญหาในภายหลัง 

การซ่อมอู่

การนำรถเข้าซ่อมตามอู่ซ่อมรถทั่วไป อาจเป็นอู่ใกล้บ้าน อู่ที่คุ้นเคยหรือแนะนำกันมา การซ่อมอู่แตกต่างจากการซ่อมศูนย์คือเรื่องมาตรฐานการซ่อม ดังนั้นหากไม่ใช่อู่ที่เคยใช้บริการเป็นประจำ หรืออู่ที่มีช่างมีฝีมือก็อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ เช่น การซ่อมที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออะไหล่ไม่มีคุณภาพ รวมไปถึงการรับประกันหลังซ่อมยังสั้นกว่าศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้นๆ

สำหรับผู้ที่ต้องการนำรถไปรับบริการที่อู่รถยนต์ต่าง ๆ อย่าลืมสังเกตด้วยว่าเป็นอู่ประเภทใด 

– อู่ในเครือประกัน คืออู่ซ่อมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากบริษัทประกันที่ได้ทำประกันไว้ หากมีปัญหาสามารถนำมาซ่อมที่อู่ได้เลย

– อู่นอกเครือประกัน คืออู่ซ่อมรถทั่วไปที่ไม่ได้รับรองโดยบริษัทประกัน สามารถนำรถไปซ่อมได้แต่ต้องสำรองจ่ายก่อน และส่งเรื่องเคลมประกันทีหลัง

แม้ว่าการซ่อมอู่มีความรวดเร็วกว่าการซ่อมศูนย์ มีตัวเลือกเยอะสามารถเลือกอู่ที่ต้องการได้ในทุกพื้นที่ แต่ต้องเช็กให้ดีในเรื่องของคุณภาพอะไหล่และการบริการด้วย ซึ่งต่างจากศูนย์บริการที่มีมาตรฐานเดียวกันในทุกสาขา

ดังนั้นหากต้องเลือกว่าจะซ่อมศูนย์หรือซ่อมอู่ดีกว่ากัน ก็อาจต้องพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนั้นว่าเลือกซ่อมที่ไหนจะสะดวกและรวดเร็วที่สุด ได้รถกลับมาใช้ในชีวิตประจำวันเร็วที่สุด หากต้องใช้บริการซ่อมอู่ ควรเลือกอู่ที่มีประวัติเชื่อถือได้ รู้จักกันดี หรือผ่านการรับรองจากบริษัทประกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีกระดับหนึ่ง

เงินเดือนน้อย กู้ซื้อรถอย่างไรให้อนุมัติ

คนที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือมีฐานเงินเดือนไม่สูง จะกู้ซื้อรถอย่างไรให้ผ่านการอนุมัติ แต่จริงๆ แล้วแม้เงินเดือนจะน้อยก็มีเทคนิคที่ช่วยให้กู้ซื้อรถผ่านฉลุยได้เหมือนกัน

6 เทคนิคที่ช่วยให้กู้สินเชื่อรถผ่านฉลุย

  1. เก็บเงินเพื่อจ่ายดาวน์ก้อนใหญ่ 

การเก็บเงินดาวน์ก้อนใหญ่ เพราะยิ่งวางเงินดาวน์สูงๆ ก็ช่วยให้เงินต้นที่ต้องกู้ลดลง ค่างวดแต่ละเดือนก็ลดลงตามไปด้วย คนที่เงินเดือนน้อยแต่อยากกู้ผ่านอาจจะจ่ายดาวน์ประมาณ 30-40% เลยก็ได้

  1. มีเงินเก็บออม วินัยทางการเงินดี

หากต้องการกู้สินเชื่อมาซื้อรถ ต้องปรับการเงินจ่ายหนี้ที่มีให้ตรงเวลา ไม่สร้างหนี้ใหม่เพื่อให้เครดิตทางการเงินดี เป็นการเพิ่มโอกาสการผ่านอนุมัติ

  1. หารายได้เสริม

หากมีช่องทางก็ควรหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนจ่ายค่างวดให้ตัวเอง และสามารถนำรายได้เสริมมายื่นประกอบการกู้ขอสินเชื่อได้ 

  1. มีอายุงานอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป

เพิ่งเริ่มทำงานและมีฐานเงินเดือนไม่สูง แต่อายุงานมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป ที่ทำงานมั่นคงก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้สินเชื่อผ่านได้มากขึ้น

  1. เลือกซื้อรถราคาไม่สูงจนเกินไป

การเลือกรถยนต์ราคาไม่สูงเช่นรถมือสองหรืออีโคคาร์ เพราะเมื่อคำนวณสินเชื่อออกมาแล้วค่างวดแต่ละงวดจะได้ไม่สูงเกินรายจ่ายในแต่ละเดือน มีกำลังมากพอที่จะจ่ายค่างวดได้ โอกาสผ่านก็สูงขึ้น

  1. ไม่ติดกับโปรโมชั่นดาวน์น้อยผ่อนนาน

โปรโมชั่น”ดาวน์น้อยผ่อนนาน” น่าสนใจก็จริง แต่หากเงินเดือนน้อยและไม่มีความมั่นคงในการงานมากพอ ถ้ามีเหตุให้ต้องตกงาน การผ่อนนานหลายปีอาจกลายเป็นภาระให้ผู้กู้ได้

ห้ามทำสิ่งนี้ ขณะจอดรถติดไฟแดง

พฤติกรรมเสี่ยงที่ไม่ควรทำเมื่อรถติดไฟแดง เพราะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

  1. จอดล้ำเส้นหยุดรถ  เสี่ยงอันตราย รถที่วิ่งมาจากแยกอื่นอาจมาชนได้
  2. จอดทับทางม้าลาย  กีดขวางคนเดินข้ามถนน
  3. ห้ามจอดรถทับทางม้าลาย โดยนับจากเส้นก่อน-หลังทางม้าลาย 3 เมตร (พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 57)
  4. จอดติดไฟแดงใกล้รถบรรทุก  อาจถูกเฉี่ยวชนเพราะเป็นมุมอับที่รถบรรทุกมองไม่เห็น
  5. เล่นมือถือ  ทำให้ขาดสมาธิในการรับรู้สิ่งรอบข้าง
  6. การเล่นเกมส์ ถ่ายเซลฟี่ พิมพ์ข้อความระหว่างติดไฟแดง ถือว่ามีความผิดเพราะยังอยู่ระหว่างขับขี่ เว้นแต่การคุยโทรศัพย์โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา (พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (9) 
  7. ขับฝ่าไฟแดง อันตราย! อาจเกิดการเฉี่ยวชน หรือชนประสานงากับรถที่ขับมาจากช่องทางอื่น 
  8. การขี่ลัดไปช่องทางอื่น เพื่อเลี่ยงการติดไฟแดง อาจถูกเฉี่ยวชนจากรถในช่องทางที่ขี่เข้าไป และรถที่ขับมาทางอื่น