เรื่อง

วิธีดูแลเกียร์ออโต้ ให้ใช้งานได้ยาวนาน

วิธีการดูแลเกียร์ออโต้ให้ใช้งานได้ยาวนาน

วิธีดูแลเกียร์ออโต้ ให้ใช้งานได้ยาวนาน

วิธีการดูแลเกียร์ออโต้ให้ใช้งานได้ยาวนาน

เกียร์ออโต้หรือเกียร์อัตโนมัติเป็นชิ้นส่วนหลักในการขับเคลื่อนของรถ แถมยังเป็นชิ้นส่วนที่มีราคาสูงมากหากจำเป็นต้องซ่อมหรือเปลี่ยน

ขอแนะนำ 5 วิธีถนอมเกียร์ออโต้ให้ใช้งานได้ยาวนาน

  1. ไม่คิกดาวน์บ่อยจนเกินไป

การคิกดาวน์ (Kickdown) คือ การเหยียบแป้นคันเร่งให้ลึกกว่าปกติเพื่อเพิ่มความเร็ว ตำแหน่งเกียร์จะถูกปรับลงมา 1-2 จังหวะตามน้ำหนักเท้าที่กดลงไป การคิกดาวน์บ่อย ๆ จะมีผลทำให้ชุดเกียร์สึกหรอเร็วกว่าปกติ เพราะชุดเกียร์ต้องรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นกะทันหันอยู่บ่อยครั้ง การขับขี่ปกติควรค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นไปจะดีกว่า

  1. จอดทางลาดใช้เบรกมือช่วย

การจอดรถบนทางลาดชัน คนส่วนใหญ่มักใช้วิธีใส่เกียร์ P เพื่อป้องกันรถไหลเพียงอย่างเดียว แต่ทางที่ดีควรใช้เบรกมือควบคู่กันไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้สลักเกียร์ต้องแบกรับน้ำหนักตัวรถมากจนเกินไป ส่วนวิธีจอดรถบนทางลาดชันหลังจากจอดรถเสร็จอย่าเพิ่งใส่เกียร์ P ทันที ระหว่างเหยียบเบรกให้ดึงเบรกมือขึ้นจนสุดค่อยๆปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก จากนั้นค่อยผลักตำแหน่งเกียร์ไปยังP วิธีนี้จะทำให้เบรกเป็นตัวรับภาระน้ำหนักรถแทน และหลังจากที่สตาร์ทรถเพื่อขับออกไปนั้น ให้ปลดเกียร์ออกจากตำแหน่งเกียร์ P ก่อน (จะใส่เกียร์ R N หรือ D ก็ตามแต่) แล้วจึงปลดเบรกมือ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายกับชุดเกียร์ได้

  1. ไม่ปล่อยเกียร์ว่างขณะรถวิ่ง

ห้ามใช้วิธีผลักไปเกียร์ว่างแล้วปล่อยให้รถไหลเวลาใกล้ถึงไฟแดงเด็ดขาด เพราะทันทีที่เข้าเกียร์ N จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการหล่อลื่น และทำให้เกียร์เกิดความเสียหายได้เร็วขึ้นนั่นเอง

  1. เปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็ว

เกียร์ออโต้จะมีตำแหน่งเกียร์ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับอัตราทดเองได้ ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม +, – หรือตำแหน่ง 3, 2, L (แตกต่างกันไปตามรุ่นรถ) ซึ่งตำแหน่งเกียร์ D ปกติก็สามารถครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ไม่ควรปรับเกียร์เป็นตำแหน่งอื่นบ่อย ๆ โดยไม่จำเป็น นอกเสียจากต้องการเร่งแซงหรือใช้แรงเบรกจากเครื่องยนต์

  1. อย่าละเลยการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์

น้ำมันเกียร์เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยหล่อลื่นและปกป้องชุดเกียร์ เมื่อใช้ไปนาน ๆ เข้า ก็จะเกิดความเสื่อมสภาพ อาจมีเศษตะกอนค้างอยู่ในอ่างน้ำมันเกียร์ ซึ่งเกิดจากการเสียดสีเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น จึงควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามกำหนดที่ระบุไว้ในคู่มือ

  1. นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการตามกำหนด

เพื่อให้เกียร์และรถได้รับการตรวจเช็กการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยตรวจสอบความผิดปกติจากการใช้งานได้อย่างละเอียดกว่าการดูแลตามปกติ

เช็คระยะ-โตโยต้า

ทำไมต้อง เช็คระยะรถที่ศูนย์บริการรถยนต์!!

การตรวจเช็กสภาพรถทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้เครื่องยนต์ อะไหล่ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ทำงานได้ดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

เช็คระยะ-โตโยต้า

ทำไมต้อง เช็คระยะรถที่ศูนย์บริการรถยนต์!!

การขับขี่รถยนต์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง การนำรถเข้าเช็คระยะเป็นประจำที่ศูนย์บริการรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
สำหรับรถใหม่ป้ายแดงจะมีกำหนดการเข้าเช็คระยะทุก 6 เดือน หรือที่ 10,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนก็สามารถนำรถเข้าเช็คได้เลย) เมื่อนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบว่า ระยะที่เท่าไร ต้องตรวจเช็คสภาพอะไหล่ส่วนไหน ตรงจุดใดบ้าง เพื่อป้องกันเครื่องยนต์หรืออะไหล่ส่วนต่าง ๆ มีปัญหา ซึ่งหากพบปัญหาจะได้ทำการแก้ไขอย่างทันท่วงที

การนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยนต์ มีผลต่อการเคลมประกัน
อะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์ด้วย หากลูกค้านำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยน์อย่างสม่ำเสมอตามระยะที่กำหนด หากพบปัญหาการเสื่อมสภาพของอะไหล่หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถ ก่อนหมดระยะรับประกัน(ภายใต้การใช้งานปกติ) ทางศูนย์บริการรถยนต์จะทำเคลมให้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับอะไหล่แท้และได้มาตรฐานตรงตามรุ่นรถที่ลูกค้าใช้อยู่เพื่อความปลอดภัย และแบ่งเบาภาระค่าใช้ที่ลูกค้าไม่ควรที่จะต้องจ่าย การนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการเป็นประจำจึงสำคัญ และเป็นผลดีต่อลูกค้ามากๆ ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและ สิทธิประโยชน์ของลูกค้า

เพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพที่ดีและยืดอายุการใช้งาน
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและของเหลวต่าง ๆ ตามระยะจึงจำเป็นมาก การเลือกน้ำมันเครื่องถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการรักษาเครื่องยนต์และการขับเคลื่อนของรถยนต์ การเปลี่ยนน้ำมันที่ศูนย์บริการรถยนต์ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าคือน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐานที่ดีที่สุดสำหรับรถของคุณ

แนะนำให้นำรถเข้าเช็คระยะตามที่กำหนด
เพราะหากมีอุปกรณ์ชิ้นไหนแตกหัก เสียหาย หรือเสื่อมสภาพ และต้องเปลี่ยนกรณีที่เลยระยะรับประกันไปแล้วลูกค้าจะไม่สามารถทำเคลมได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเอง จึงควรนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยนต์ตามที่คู่มือกำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัด

การเช็คระยะรถยนต์ยังช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของรถ ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ ทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพปลอดภัย และการนำรถเข้าศูนย์บริการรถยนต์ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า
อย่าลืมรักษาสิทธิ์ ด้วยการนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการรถยนต์ตามระยะที่กำหนดกันนะ

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-บ่อยแค่ไหน-น้ำมันเครื่อง-โตโยต้า

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน เพื่อถนอมรักษาเครื่องยนต์

เพราะเครื่องยนต์เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ น้ำมันเครื่องจึงสำคัญมากเช่นกัน เพราะช่วยทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยหล่อลื่น ลดแรงเสียดทาน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ชำระล้างสิ่งสกปรกและยังช่วยป้องกันเครื่องยนต์ส่วนต่างๆ ไม่ให้สึกหรอ

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-บ่อยแค่ไหน-น้ำมันเครื่อง-โตโยต้า

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน เพื่อถนอมรักษาเครื่องยนต์

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
คือหนึ่งในสิ่งสำคัญของการดูแลถนอมรักษาเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ไม่มีปัญหาและยืดอายุการใช้งาน
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามการใช้งานของรถ รถใช้งานเยอะหรือน้อยแต่ละท่านใช้รถต่างกัน

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจึงแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
-เช็คตามระยะทางหรือเข็มไมล์ รถใช้เยอะขับเยอะวิ่งงานต่างๆ ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อบำรุงรักษาเครืองยนต์
-เช็คตามระยะเดือน สำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานไม่ค่อยได้ออกวิ่งก็ยังจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุก 6 เดือน เพื่อรักษาเครื่องยนต์ให้ไม่เกิดปัญหา

หากไม่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนานเกินไปหรือเกินระยะที่กำหนดไปมาก อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนและแรงเสียดทานจนทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ สึกหรอเร็วขึ้น หรือมีสิ่งสกปรกอุดตัน และยังอาจทำให้รถเป็นสนิมจนกัดกินลึกถึงเครื่องยนต์ได้ จะทำให้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ลดลง จนเป็นเหตุทำให้อะไหล่ชำรุดเสียหาย ทำให้ต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงที่แพงขึ้น เนื่องจากต้องเปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอหรือชำรุดอีกด้วย

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 6 เดือน หรือ ทุกๆ10,000 กิโลเมตร จึงจำเป็นและสำคัญมากในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์

***อย่าลืมตรวจเช็กน้ำมันเครื่องอยู่เสมอทั้งสี ระดับของน้ำมันเครื่อง หรือตรวจสอบว่าน้ำมันเครื่องมีจุดรั่วไหลหรือไม่***

รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมนำรถเข้าเช็คระยะ-เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ศูนย์บริการรถยนต์ ตามระยะและเวลาที่กำหนดกันด้วยนะ

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง อาจเกิดได้หลายสาเหตุ ดังนี้ เกิดจากลักษณะโครงสร้าง และดอกยาง รวมถึงแรงดันลมยางก็มีส่วน เช่นยางชนิดออฟโรดหน้ากว้าง และดอกยางลึก เมื่อนำมาวิ่งบนถนนแห้งอาจเกิดเสียงจากดอกยางที่อัดอากาศกับพื้น ดังนั้นเพื่อเป็นการลดเสียงดังของยางมากกว่าปกติ ที่อาจเกิดขึ้นควรมั่นตรวจเช็กลมยางรถ และ ตรวจสอบศูนย์ตามค่าที่กำหนด (มาตรฐานเติมลมยางที่โตโยต้ากำหนดไว้ สามารถตรวจสอบได้จากสติ๊กเกอร์บริเวณขอบประตูด้านคนขับ และยางรถที่ใช้มานานเสียงดังเพิ่มมากขึ้น)

อย่างไรก็ตาม ทุกท่านสามารถนำรถรับการบริการตรวจเช็ก ที่ศูนย์บริการโตโยต้า กรุงไทย ทุกสาขา โทร: 02-510-9999 Facebook: @toyotakrungthai Line ID: @krungthaiservice หรือ นัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้าได้ที่นี่ คลิก

ข้อควรทราบสำหรับกุญแจ Immobilizer และ ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS ในรถยนต์โตโยต้า

ข้อควรทราบสำหรับกุญแจ Immobilizer และ ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS

ข้อควรทราบสำหรับกุญแจ Immobilizer และ ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS

ข้อควรทราบสำหรับกุญแจ Immobilizer และ ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS ในรถยนต์โตโยต้า

ข้อควรทราบสำหรับกุญแจ Immobilizer และ ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS ในรถยนต์โตโยต้า (เฉพาะรุ่นที่มี)

ระบบกุญแจ Immobilizer ออกแบบมาเพื่อป้องกันการสตาร์ทรถด้วยกุญแจปลอม เพื่อเสริมการป้องกันรถถูกโจรกรรม 2 ชั้นคือ

ชั้นแรก :            ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TSD จะส่งสัญญาณเตือน ถ้ามีผู้พยายามบุกรุกเข้าภายในรถ

ชั้นที่สอง :          ถ้าผ่านชั้นแรกเข้าไปได้ระบบ Immobilizer จะยับยั้งการสตาร์ทเครื่อง โดยตรวจสอบรหัสลูกกุญแจที่ใช้สตาร์ทว่าตรงกับที่ตั้งค่าไว้เดิมหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ หรือรหัสไม่ตรงจะสตาร์ทเครื่องไม่ได้

ข้อควรระวัง
• อย่าให้กุญแจหลักกับบุคคลอื่นเพราะสามารถนำไปทำซ้ำได้ ถ้าจำเป็นควรให้กุญแจสำรองแทน

ข้อควรทราบสำหรับกุญแจ Immobilizer และ ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS ในรถยนต์โตโยต้า

หมายเหตุ ในแป้นกุญแจมีแผ่นชิพสัญญาณรหัสสตาร์ทเครื่องอยู่ รหัสตรงสตาร์ทได้, รหัสไม่ตรงสตาร์ทไม่ได้

ข้อควรทราบสำหรับกุญแจ Immobilizer และ ระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS

สตาร์ทรถไม่ติด หรือติดแล้วดับ

  • มีห่วงกุญแจหรือโลหะอื่นพาดหรือทับบนกุญแจ ถ้ามีให้เอาออกแล้วลองสตาร์ทใหม่
  • จดหมายเลขกุญแจเก็บไว้ให้ดี เพราะต้องใช้ในการทำกุญแจใหม่
  • กุญแจก็อปปี้ที่ไม่ได้บันทึกรหัสจะสตาร์ทเครื่องไม่ได้
  • กุญแจหาย หรือต้องการทำเพิ่ม กรุณาติดต่อศูนย์บริการโตโยต้าพร้อมหมายเลขกุญแจ และกุญแจที่มีอยู่ทุกลูก

รีโมทอาจใช้การไม่ดี / มีระยะทำการผิดไปจากปกติถ้า

  • อยู่ใกล้แหล่งคลื่นสัญญาณรถกวนเช่น สนามบิน สถานีวิทยุ เสาไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรศัพท์
  • แบตเตอรี่เสื่อม (ไฟรีโมทจะหรี่มัว)
  • มีการติดฟิล์มกรองแสงบางชนิดที่มีส่วนผสมของโลหะหักเหคลื่น

การตั้งเสียง / ไฟกระพริบตอบรับของรีโมท

  • สามารถตั้งเสียงสัญญาณตอบรับ / ไฟกระพริบตอบรับการล็อค – ปลดล็อคประตูได้
  • สามารถตั้งการล็อค – ปลดล็อคประตูอัตโนมัติได้

หมายเหตุ: รายละเอียดกรุณาศึกษาจากในคู่มือรถ ในหมวดกุญแจ และประตูหัวข้อยิ่ยรีโมทคอนโทรล