เรื่อง

เรื่องที่ควรรู้สำหรับผู้ใช้รถกระบะ

ต้องยอมรับว่ารถกระบะเป็นประเภทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทยของเรานะครับ ไม่เพียงเพื่อใช้งานทางด้านพาณิชย์ หรือบรรทุกสิ่งของเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทุกวันนี้รถกระบะยังเป็นรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายกิจกรรม เนื่องด้วยรูปลักษณ์การออกแบบทั้งภายใน-ภายนอก และห้องโดยสารที่มีความสะดวกสะบายต่อผู้ใช้งาน พร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่ตอบสนองกับความต้องการได้หลากหลายรูปแบบการใช้งาน ซึ่งการใช้งานของรถกระบะนั้นอาจจะแตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ของแต่ละคน
ดังนั้นแล้วเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถกระบะนั้น วิธีการบำรุงรักษาหรือตรวจเช็คสภาพของรถกระบะอย่างสม่ำเสมอนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้รถของท่านมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และวันนี้เราโตโยต้า กรุงไทย ก็มีวิธีง่ายๆที่จะมาแนะนำ เพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น ส่วนจะมีอะไรกันบ้างนั้นเราไปดูกันเลยครับ

ห้องเครื่องยนต์ ไฮลักซ์ รีโว่

1.  หมั่นตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง
การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ถือว่าเป็นสิ่งแรกที่ทุกท่านผู้ใช้รถกระบะจำเป็นต้องตรวจก่อนเลยหลังจากการใช้งาน เพราะระดับน้ำมันเครื่องสามารถบ่งบอกได้ว่ารถของท่านควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้วหรือยัง ซึ่งวิธีการตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องในรถกระบะของท่านนั้นก็เป็นเรื่องง่ายๆ เลยก็คือ ท่านต้องเตรียมทิชชู่เพื่อเอาไว้เช็ดคราบน้ำมันจากก้านวัดก่อน วิธีปฏิบัติคือ ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องซึ่งจะอยู่บริเวณใกล้กับฝาที่ใส่น้ำมันเครื่อง ให้ท่านทำการเช็ดคราบน้ำมันจากก้านก่อนรอบแรก แล้วเสียบกลับที่เดดิมอีกครั้ง แล้วดึงก้านออกมาดู แล้วให้สังเกตุว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระดับไหน ซึ่งก้านวัดจะมีระดับขีดบอกอยู่ คือ max-min หรือขีดล่าง L (Min) ขีดบน F (Max) ถ้าหากระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างทั้งสองขีดนี้แสดงว่าปกติ และหากปริมาณน้ำมันเครื่องสีดำมาก และอยู่ต่ำกว่าขีด L หรือสูงกว่าขีด F มากเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้  และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆระยะ 5,000-10,000 กิโลเมตร หรือตามรถยนต์แต่ละรุ่นที่กำหนดไว้ในคู่มือรถ และขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานด้วย

2.  เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ
สำหรับข้อนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ท่านได้ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง (จากข้อ1) ให้พิจารณาว่าสมควรที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยให้สังเกตจากสีของน้ำมันเครื่องว่าในขณะนั้นเป็นสีดำมากน้อยแค่ไหน (วิธีเช็คจากข้อ 1) และโดยทั่วไปแล้วระยะของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่นั้นจะอยู่ที่  5,000-10,000 กิโลเมตร โดยประมาณ ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องของการช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ของท่านได้เป็นอย่างดีเลยครับ

3. น้ำยาหล่อเย็น
น้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำยาคูลแลนท์ (Coolant) ที่เหมาะสมต้องออกสีเขียวและปริมาณของน้ำยาต้องอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งต้องไม่อยู่ในระดับต่ำ (Low) ในถังบรรจุน้ำยาหล่อเย็นเกินไป และสีของน้ำยาต้องไม่ออกเป็นสีดำจนเกินไป ซึ่งถ้าตัวน้ำยาหล่อเย็นสีเขียวๆกลายเป็นสีดำเมื่อไหร่ แนะนำให้ท่านนำรถของท่านเข้าที่ศูนย์บริการฯใกล้บ้านท่าน เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คอย่างระเอียด เพราะศูนย์บริการมีเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานและทันสมัย เพื่อป้องกันและเป็นการถนอมการใช้งานของระบบความเย็นของเครื่องเย็นให้มีอายุการใช้งานให้ยาวนานต่อไป

4. การสลับยางรถยนต์ตามระยะ
ทำไมถึงต้องสลับยางรถยนต์ตามระยะ?.. เพราะบางท่านใช้งานรถกระบะก็จะแตกต่างกัน และโดยธรรมชาติแล้ว ยางที่อยู่ล้อหน้านั้นมีโอกาสที่จะสึกหรอก่อนมากกว่ายางหลัง เพราะมาจากการเบรกของรถกระบะส่วนใหญ่ที่มีระบบเบรกอยู่ล้อหน้าเป็นหลักนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการขับขี่ของแต่ล่ะท่านด้วยน่ะครับ ดังนั้นแล้วเพื่อเป็นการถนอมยางให้มีอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น เราควรสลับยางรถยนต์ตามระยะการใช้งาน อย่างเช่น รถของท่านเปลี่ยนยางใหม่ ซ่งมีการใช้งานไปประมาณ 10,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 6 เดือน ท่านก็ควรนำรถของท่านเข้ารับการบริการที่ศูนย์บริการหรืออู่บริการ ใกล้บ้าน

5. พื้นปูกระบะลายเนอร์
ปกติแล้วพื้นปูกระบะลายเนอร์ เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป ซึ่งแน่นอนส่วนใหญ่รถกระบะก็จะมีพื้นปูกระบะทุกคันอยู่แล้ว และหลายคนก็มองข้ามในเรื่องการดูแลรักษาไปด้วยเช่นกัน เราควรมีการถอดพื้นปูกระบะลายเนอร์ออกมา เพื่อทำความสะอาดตัวกระบะของเราอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากพื้นปูกระบะลายเนอร์นี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ กระบะเราเกิดสนิมได้ เพราะใต้พื้นกระบะลายเนอร์ ไม่ได้รับแสงแดด และมีสิ่งปฎิกูลต่างๆหมักหมมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความชื้นสะสมอยู่เป็นเวลานาน เป็นสาเหตุของการเกิดสนิมกัดกร่อนตัวกระบะเรา เป็นภัยเงียบที่เราไม่ควรมองข้ามนะครับ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีการตรวจเช็ค และการบำรุงรักษารถกระบะเบื้องต้นที่ทางโตโยต้า กรุงไทย ได้นำมาฝากกันนะครับ หรือหากท่านใดที่ไม่มีเวลาและไม่สามารถทำด้วยตัวเอง ก็สามารถนำรถยนต์ของท่านมาเข้ารับการตรวจเช็คเบื้องต้นที่ศูนย์บริการมาตรฐาน และอะไหล่ ของโตโยต้า กรุงไทย ได้ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สำนักงานใหญ่ รามอินทรา (กม.9), สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชั่น ซึ่งทางเรามีบริการ ตรวจเช็คทันใจใน 60 นาที (Express Maintenance) และเรามีช่างผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาฟรีครับ สามารถนัดหมายล่วงหน้าเพื่อนำรถเข้าเช็คระยะตามกำหนด ได้ที่ 0-2510-999 กด9


ติดตามข่าวสาร โปรโมขั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

ระบบ A-TRC ใน Toyota Fortuner

ระบบ A-TRC

ระบบ A-TRC ใน รถยนต์โตโยต้า ที่ขับเคลื่อนแบบ 4X4

ระบบ A-TRC

 

สำหรับบทความในวันนี้ เอาใจขาลุยกันหน่อย กับระบบ A-TRC ระบบที่เหมาะกับการขับขี่แบบออฟโรด หรือทางวิบาก ซึ่งเจ้าตัว A-TRC จะทำหน้าที่คอยช่วยขณะขับขี่ในทางวิบาก หรือในสภาพการเดินทางที่สุดโหด ไม่ให้ล้อรถหมุนฟรีจนเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ

ระบบ A-TRC หรือ ( Active Traction Control ) หรือภาษาไทยเรียก เอ-แทรค ได้ถูกพัฒนาเพื่อรองรับการขับในพื้นที่ขลุขระ หรือพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางจำนวนมาก ทำงานด้วยตัวเซ็นเซอร์ โดยจะตรวจจับการหมุนของล้อรถยนต์ หากพบว่าล้อใดเริ่มสูญเสียแรงขับ และเสี่ยงที่จะหมุนฟรี ระบบจะส่งแรงเบรกไปสู่ล้อนั้นอย่างฉับไว และกระจายกำลังของเครื่องยนต์ไปสู่ล้อที่เหลือเพื่อให้รถมีแรงบิดเต็มกำลัง เท่ากับว่าผู้ขับจะสามารถใช้กำลังเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยปราศจากการสูญเปล่าจากอาการล้อหมุนฟรี และในระบบนี้ให้มาเฉพาะในตัวของ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ และ รถโตโยต้า ในรุ่นที่มีการขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 4X4 นั่นเอง

ท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบ A-TRC สามารถเข้าสอบถามเพิ่มเติม และทดสอบการใช้งานได้ที่โชว์รูมโตโยต้า กรุงไทย ทุกสาขา หากต้องการนำรถของท่านตรวจสภาพการใช้งานของระบบ A-TRC ของรถ เรามีบริการให้ท่าน รวมทั้งบริการทางด้านอื่นๆ อาทิ ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี, ศูนย์บริการและอะไหล่ ไว้บริการท่านอีกด้วย

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง


ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีๆ และความเคลื่อนไหวของเรา

โตโยต้า กรุงไทย ได้ที่

youtube_logo  facebook icon  line icon  google plus icon  twitter icon


แชร์บทความ

ยางรถเสื่อมไว

รู้ไว้ใช่ว่า….! 6 สาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์เสื่อมไวกว่าปกติ

ยางรถเสื่อมไว สาเหตุเกิดจาก ?

ยางรถเสื่อมไว

1. การเติมลมยางที่ไม่พอดี

เป็นเรื่องที่คนใช้รถยนต์ส่วนใหญ่มักจะเจออยู่เสมอซึ่งมีอยู่หลายสาเหตุ โดยสาเหตุคราวๆที่มักจะเจอกันบ่อยก็คือ การเติมลมยางที่เกินพอดี (ยางแข็งเกินไป) หรือเติมลมยางอ่อนกว่าเกณฑ์ ซึ่งสาเหตุพวกนี้มักจะมาจากการขาดความรู้เรื่องการดูแลรักษายาง ดังนั้นแล้วท่านใดที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการเติมลมยางแล้วควรต้องกลับมาเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย มีวิธีการเติมลมยางที่ถูกวิธีนั้นก็คือ ควรเติมลมยางตามคำแนะนำที่ติดไว้ข้างประตูฝั่งคนขับครับซึ่งในแต่ละรุ่นรถก็จะมีเกณฑ์การเติมลมต่างกันออกไป

ความดัน ลมยาง จำง่ายๆ ดังนี้

– รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมประมาณ 25 -30 ปอนด์
– รถยนต์ขนาดกลางถึงใหญ่ ควรเติมประมาณ 30 -35 ปอนด์
– รถกระบะ ควรเติมไม่เกิน 65 ปอนด์

การเติมลมยางรถยนต์คือเรื่องที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาด เพราะนั้นหมายถึงความปลอดภัยขณะขับขี่บนท้องถนนของคุณ

2. การที่รถทำการบรรทุกหนัก

ส่วนมากแล้วปัญหาการบรรทุกน้ำหนักเกินมักจะพบมากที่สุดในรถกระบะครับ ซึ่งการบรรทุกน้ำหนักเกินมากจนเกินไปทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัยและยังจะเพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการขับขี่บนท้องถนนมากขึ้นอีกด้วย เมื่อบรรทุกหนักยางก็จะถูกแรงกดทับมากจนเกินไปและทำงานหนักตามไปด้วย ส่งผลให้ยางมีปัญหาขณะขับขี่นั่นเอง

3. หลีกเลี่ยงการเบรกและออกตัวอย่างรุนแรง

          รถที่ออกตัวรุนแรงหรือมีการเบรกกระทันหัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางรถของท่านเกิดระเบิดขึ้นมาในระหว่างการขับขี่ได้และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ดอกยางรถยนต์ของท่านเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานที่กำหนดด้วยนั่นเอง

4. ขับขี่รวดเร็วมีแต่ผลเสีย

การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นอีก 1 ในสาเหตุของการเสื่อมสภาพของรถยนต์ ซึ่งการขับรถเร็วนั้นทำให้ยางพังไวกว่ากำหนดและที่สำคัญเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วยครับ นึกภาพง่ายๆ เลยเช่น เมื่อรถยนต์เลี้ยงเข้าโค้งด้วยความเร็ว แก้มยางด้านข้างของรถยนต์ที่แข็งเกินไปจะไม่สามารถสัมผัสพื้นถนนได้เต็มที่ นำมาซึ่งอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์ของท่านเสื่อมอายุการใช้งานเร็วกว่ากำหนดอีกด้วยครับ

5. เลี่ยงถนนที่ขรุขระเพื่อยืดอายุยาง

แม้ถนนที่ชำรุดจะเป็นเรื่องที่เรามักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม แต่เมื่อเราเจอถนนชำรุด ก็ควรที่จะขับขี่อย่างระมัดระวังยางรถยนต์ที่จะไปเสียดสีกับผิวถนน เป็นส่วนที่ทำให้ยางรถเกิดความสึกหรอได้เลยเช่นกัน ดังนั้นการขับขี่ใบพื้นถนนที่เลี้ยงไม่ได้ ก็ควรจะขับขี่อย่างช้าๆ เพื่อถนอมอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้นานที่สุด

6. ตั้งระบบศูนย์ล้อไม่ตรงกับขนาดของล้อรถยนต์

ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นปัญหาอันตรายที่ละเลยไม่ได้จริงๆ เรื่องการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบบ่อยของรถยนต์ที่ทำการดัดแปลงมาครับ เมื่อศูนย์ล้อไม่ตรงกับสเปรคของยาง ก็อาจจะเกิดแรงเสียดทานขึ้นมาได้ ดังนั้นท่านควรที่จะตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้ตรงกับขนาดของล้อที่ท่านใช้ครับ เพื่อความปลอดภัยในขณะขับขี่รถยนต์

เห็นแบบนี้แล้ว ท่านต้องหันกลับมาใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเรื่องการดูแลรักษายาง ซ่ะแล้ว เพราะยางรถเป็นส่วนสำคัญอันดับแรกที่เราละเลยไม่ได้เลยจริง ๆ

ทั้งหมดที่ได้เกริ่นมาข้างบนนี้ ทางทีมงาน โตโยต้า กรุงไทย  ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อที่ท่านจะได้ถนอมอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้อยู่กับท่านได้นานขึ้น

นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการ ศูนย์บริการทั่วไปและอะไหล่,  ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสี  ไว้บริการท่านอีกด้วย