เรื่อง

ยิ้มรับซัมเมอร์ให้คุ้มเวอร์ ที่ศูนย์บริการโตโยต้า เช็กระยะที่ศูนย์บริการโตโยต้าวันนี้ รับส่วนลดพิเศษมากมาย

ยิ้มรับซัมเมอร์ให้คุ้มเวอร์ที่ศูนย์บริการโตโยต้าเช็กระยะที่ศูนย์บริการโตโยต้าวันนี้รับส่วนลดพิเศษมากมาย

หมายเหตุ

1.รายการอะไหล่ส่วนลด 15% เมื่อเปลี่ยนพร้อมเช็กระยะ หรือส่วนลด 10% เมื่อเปลี่ยนเฉพาะอะไหล่เพียงอย่างเดียว (เฉพาะหมายเลขอะไหล่ที่กำหนด โปรดสอบถามรายละเอียดที่ศูนย์บริการโตโยต้าใกล้บ้านท่าน) ได้แก่
– กลุ่มเบรก
– กลุ่มโช้คอัพ
– กลุ่มลูกหมาก 

2.สิทธิพิเศษสำหรับการเปลี่ยนยางรถยนต์ที่ศูนย์บริการ
A. ส่วนลดสำหรับยางรถยนต์ทุกรุ่น
• ประเภทงานเดี่ยว: ส่วนลดเส้นละ 250 (คันละ 1,000 บาท) พร้อมรับฟรีค่าแรงเปลี่ยนยาง, ฟรีค่าแรงตั้งศูนย์ถ่วงล้อ, ฟรีรับประกันอุบัติเหตุยาง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตรเมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้น รายละเอียดเพิ่มเติม Click : https://bit.ly/4bpolbl
• ประเภทงานพ่วง : ส่วนลดเพิ่ม 500 จากงานเดี่ยว (คันละ 1,500 บาท) เมื่อเปลี่ยนยางรถยนต์ 4 เส้น พร้อมงานเช็กระยะ พร้อมรับฟรีค่าแรงเปลี่ยนยาง, ฟรีค่าแรงตั้งศูนย์ถ่วงล้อ, ฟรีรับประกันอุบัติเหตุยาง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตรเมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้น รายละเอียดเพิ่มเติม Click : https://bit.ly/4bpolbl

B. ส่วนลดและโปรโมชั่นเพิ่มเติมสำหรับยางรถยนต์เฉพาะรุ่น (สามารถใช้ร่วมกับข้อ A ได้ ยกเว้นส่วนลด 3 แถม 1


3.สิทธิพิเศษสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรีที่ศูนย์บริการ*
A. ประเภทงานเดี่ยว: ส่วนลดมูลค่า 350-650 บาท
B. ประเภทงานพ่วง: ส่วนลดมูลค่า 450-750 บาท (ลดเพิ่ม 100 จากงานเดี่ยว) เมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่พร้อมงานเช็กระยะ
*ราคาพิเศษพร้อมเทิร์น สำหรับลูกค้าที่ซื้อแบตเตอรี่รุ่นที่กำหนดพร้อมเทิร์นแบตเก่าเท่านั้น หากลูกค้าไม่ประสงค์เทิร์นจะไม่ได้รับส่วนลดจากกิจกรรมฯ พร้อมรับฟรีค่าแรงเปลี่ยนแบตเตอรี่ และรับประกัน 1 ปีไม่จำกัดระยะทาง โปรดสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการใกล้บ้านท่าน

4.เงื่อนไขและรายละเอียดบริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด เฉพาะธนาคารและผู้แทนจำหน่ายที่ร่วมโครงการเท่านั้น กรุณาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย หรือ https://aftersales.toyota.co.th/promotions

5.ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือบริการอื่นๆ ทดแทนได้

6.จำกัดสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเฉพาะการเปิดงานซ่อมที่ศูนย์บริการฯเท่านั้นไม่สามารถใช้กับการซื้ออะไหล่ไปใช้ภายนอกศูนย์บริการฯ ได้

7.นัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้ารับบริการได้ผ่านช่องทางออนไลน์Click:https://bit.ly/4bpolblหรือแอปพลิเคชัน T-Connect

8.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการโตโยต้ากรุงไทยโทร 025109999กด9
9.ยกเว้นรถยนต์โตโยต้า ที่มิได้จำหน่ายโดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย, รถยนต์โตโยต้าที่เป็นทรัพย์สินของผู้แทนจำหน่าย, รถยนต์พนักงานของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัทโตโยต้ามอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด (ยกเว้นแคมเปญยาง สามารถใช้ได้) และยกเว้นรถที่เข้าร่วมกิจกรรมลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (Fleet Sales, Fleet Service) จำนวน 16 บริษัท ดังนี้
1) บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
2) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน)
3) บริษัท สยามคาร์เรนท์ จำกัดมีบริษัทในเครืออีก 4 แห่ง คือ 1. กรุงเทพ คาร์เซ็นเตอร์ 2. เอ็ม แซท ดี 3.TGN มอเตอร์ 4. CNG คาร์เซ็นเตอร์
4) บริษัท วี.อาร์.พี.แอดวานซ์ จำกัด
5) บริษัท ออลไทย แท็กซี่ (นครชัยแอร์) PRIUS TAXI
6) บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด
7) บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลีสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส
8) บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด
9) บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด
10) บริษัท ทีซี คาร์ โซลูชั่นส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
11) บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด
12) บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ (1978) จำกัด
13) บริษัท ที เค วาย ลีสซิ่ง จำกัด
14) บริษัท เฟรนด์ชิพ ลิสซิ่ง จำกัด
15) บริษัท ทรู ลีสซิ่ง จำกัด
16) บริษัท อาคเนย์แคปิตอล 

10.เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

☎️ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
📱Call Center : 02-510-9999
⚡นัดหมายเข้าศูนย์บริการวันนี้ รับส่วนลดพิเศษ Click : https://bit.ly/4bpolbl
💙Facebook : โตโยต้า กรุงไทย Toyota Krungthai หรือ Click : https://bit.ly/4aN5oiK
💚Line : @toyotakrungthai (มี@ข้างหน้า) หรือ Click : https://bit.ly/4aFhXfJ

ยิ้มรับซัมเมอร์ให้คุ้มเวอร์ ที่ศูนย์บริการโตโยต้า Welcome Home พารถคู่ใจกลับบ้าน

ยิ้มรับซัมเมอร์ให้คุ้มเวอร์ที่ศูนย์บริการโตโยต้า Welcome Home พารถคู่ใจกลับบ้าน

หมายเหตุ

สำหรับลูกค้า รถยนต์ วีออส ยาริส ไฮลักซ์ และฟอร์จูนเนอร์ อายุรถตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

พิเศษโปรโมชันเพิ่มเติม สำหรับลูกค้าสินเชื่อ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

ระยะเวลาแคมเปญ 1 เมษายน 2567 – 31 พฤษภาคม 2567

ลูกค้าทั่วไป

1.ส่วนลด 25% สำหรับน้ำยาขจัดคราบเขม่าเมื่อเปลี่ยนพร้อมเช็กระยะหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

2.ส่วนลดสำหรับยางรถยนต์  3 เส้น ฟรี 1 เส้น เฉพาะยี่ห้อ และรุ่น/ขนาดยาง ที่กำหนด

3.ฟรีค่าแรงเปลี่ยนยาง, ฟรีค่าแรงตั้งศูนย์ถ่วงล้อ, ฟรีรับประกันอุบัติเหตุยาง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตรเมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้น

โปรโมชันเพิ่มเติม สำหรับลูกค้าสินเชื่อ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับลูกค้า รถยนต์ วีออส ยาริส ไฮลักซ์ และฟอร์จูนเนอร์ อายุรถตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

1.ส่วนลด 100 บาท สำหรับเช็กระยะพื้นฐานจากบริการ ECO PACK Service  กรุณานัดหมายล่วงหน้าClick : https://bit.ly/4bpolbl หรือตรวจสอบได้ที่ https://aftersales.toyota.co.th/ecopack

2.กรุณาแสดงข้อความและภาพโฆษณาที่ท่านได้รับจากแอปพลิเคชัน TLT Simply กับเจ้าหน้าที่ก่อนรับส่วนลด เปิดแอปพลิเคชัน -> เข้าที่เมนูแจ้งเตือน -> จะพบข้อความและภาพโฆษณากิจกรรม Welcome Home หรือวิธีอื่นๆ ที่ระบุว่าท่านเป็นลูกค้าสินเชื่อของ TLT 

อื่นๆ

1.เงื่อนไขและรายละเอียดบริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดเฉพาะธนาคารและผู้แทนจำหน่ายที่ร่วมโครงการเท่านั้นกรุณาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมณจุดขายหรือ https://aftersales.toyota.co.th/promotions

2.ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือบริการอื่นๆ ทดแทนได้

3.จำกัดสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเฉพาะการเปิดงานซ่อมที่ศูนย์บริการฯเท่านั้นไม่สามารถใช้กับการซื้ออะไหล่ไปใช้ภายนอกศูนย์บริการฯ ได้

4.นัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้ารับบริการได้ผ่านช่องทางออนไลน์รับส่วนลดพิเศษClick : https://bit.ly/4bpolbl
5.ยกเว้นรถยนต์โตโยต้า ที่มิได้จำหน่ายโดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย, รถยนต์โตโยต้าที่เป็นทรัพย์สินของผู้แทนจำหน่าย, รถยนต์พนักงานของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด (ยกเว้นแคมเปญยาง สามารถใช้ได้) และยกเว้นรถที่เข้าร่วมกิจกรรมลูกค้ารายใหญ่ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (Fleet Sales, Fleet Service) จำนวน 16 บริษัท ดังนี้
1) บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
2) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน)
3) บริษัท สยามคาร์เรนท์ จำกัดมีบริษัทในเครืออีก 4 แห่ง คือ 1. กรุงเทพ คาร์เซ็นเตอร์ 2. เอ็ม แซท ดี 3.TGN มอเตอร์ 4. CNG คาร์เซ็นเตอร์
4) บริษัท วี.อาร์.พี.แอดวานซ์ จำกัด
5) บริษัท ออลไทย แท็กซี่ (นครชัยแอร์) PRIUS TAXI
6) บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด
7) บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลีสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส
8) บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด
9) บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด
10) บริษัท ทีซี คาร์ โซลูชั่นส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
11) บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด
12) บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ (1978) จำกัด
13) บริษัท ที เค วาย ลีสซิ่ง จำกัด
14) บริษัท เฟรนด์ชิพ ลิสซิ่ง จำกัด
15) บริษัท ทรู ลีสซิ่ง จำกัด
16) บริษัท อาคเนย์แคปิตอล 

7.เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

☎️ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
📱Call Center : 02-510-9999
⚡นัดหมายเข้าศูนย์บริการวันนี้ รับส่วนลดพิเศษ Click : https://bit.ly/4bpolbl
💙Facebook : โตโยต้า กรุงไทย Toyota Krungthai หรือ Click : https://bit.ly/4aN5oiK
💚Line : @toyotakrungthai (มี@ข้างหน้า) หรือ Click : https://bit.ly/4aFhXfJ

ขับรถตอนฝนตก ถนนลื่นอย่างไรให้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง

การขับรถในขณะฝนตกต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกว่าการขับรถปกติ ด้วยวิสัยทัศน์การมองเห็นที่ยากขึ้น ถนนลื่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในหน้าฝนอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น จึงขอแชร์เทคนิคการขับรถเมื่อเจอฝนตกถนนลื่น เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถขณะฝนตก ดังนี้

เทคนิคการขับรถเมื่อเจอฝนตก ถนนลื่น

  1. เปิดไฟหน้า-ไฟท้าย

      การขับรถตอนฝนตกบนท้องถนนร่วมกับคันอื่นๆ จำเป็นต้องเปิดไฟหน้าและไฟท้าย เพื่อให้รถที่ตามมาข้างหลังเห็นเราชัดขึ้น ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

      – การเปิดไฟหน้า ควรใช้สัญญาณไฟปกติ หากมีไฟตัดหมอก สามารถเปิดได้ แต่ไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่า ไฟกระพริบ เพราะจะทำให้รถคันที่ตามมาไม่รู้ว่ารถของเรากำลังจอดหรือขับอยู่บนถนน อาจทำให้เกิดการชนท้ายได้

      – ไม่ควรเปิดไฟหน้าสูง เพราะจะทำให้รถที่วิ่งสวนทางมาโดนไฟส่องแยงตา ทำให้ตาพล่ามัวมองถนนได้ไม่ชัด อาจเกิดอุบัติเหตุได้

  1. การเปิดที่ปัดน้ำฝน

      ที่ปัดน้ำฝนจำเป็นอย่างมาก ช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางบนถนนในขณะที่กำลังขับรถฝ่าฝน ซึ่งถ้าฝนตกปอยๆ ไม่หนัก อาจเลือกให้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียว หรือปัดสองครั้งหยุด แต่ถ้าฝนตกหนัก ต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์การมองเห็นให้ชัดเจนมากขึ้น

  1. รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า

      ฝนที่ตกจะไปชะล้างคราบดิน โคลน หรือคราบน้ำมันบนถนน เป็นสาเหตุทำให้ถนนลื่น จึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติในการขับขี่เป็น 2 เท่า เพื่อให้ระยะเบรกของเราสามารถหยุดรถได้ทัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยขณะขับรถ เพื่อความปลอดภัย

  1. ความเร็วในการขับขี่

      เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงการขับรถในขณะฝนตก แนะนำให้ใช้ความเร็วที่เหมาะสม ซึ่งความเร็วในระดับที่ปลอดภัยที่สุดคือ 40-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะเป็นความเร็วที่เราจะสามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถลได้

  1. ป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกรถ

      สาเหตุหนึ่งที่กวนใจขณะขับรถคือ การเกิดฝ้าที่กระจกเพราะทำให้บดบังทัศนียภาพการมองเห็นถนน มักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิเย็นจัด และการขับรถตอนฝนตกจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นจึงต้องรู้วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดฝ้าขณะขับรถตอนฝนตก ก่อนอื่นต้องสังเกตุว่าเกิดฝ้าขึ้นที่ภายนอกหรือภายในกระจกรถ คือหากอากาศภายในรถเย็นกว่าอากาศภายนอกรถ จะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านนอก  แต่ถ้าหากภายนอกรถเย็นกว่าอากาศภายในรถ จะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านใน  ดังนั้นจึงควรที่จะรักษาอุณหภูมิภายในและภายนอกรถให้เท่ากัน เพื่อไม่ให้เกิดฝ้ากระจก มีวิธีแก้ไขดังนี้

    – ปรับทิศทางแอร์ ไม่ให้หันไปโดนกระจกรถ

    – ปรับอุณหภูมิแอร์ภายในรถ เพื่อให้อากาศภายในและภายนอกรถเท่ากัน

    – ลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศเกิดการถ่ายเททำให้ฝ้าจางลง

    – ใช้ฝ้าหรือที่ปัดน้ำฝนเช็ด เพื่อลดฝ้าที่เกิดขึ้น    

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือ การหมั่นตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยตรวจสอบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝนให้ใช้ปัดกวาดน้ำฝนได้สะอาด ไม่มีรอยฝ้า หรือรอยขูดขีดบนกระจก รวมถึงหมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำอยู่เสมอ

5 เทคนิค ขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ลดค่าใช้จ่าย

หลายคนที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ทุกวัน ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเรื่องค่าน้ำมันรถได้ ราคาน้ำมันก็มีการปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เราสามารถประหยัดน้ำมันได้ด้วยตัวเอง เพียงนำเทคนิคการขับรถนี้ไปใช้ 

5 เทคนิคการขับรถช่วยประหยัดน้ำมัน

  1. ขับรถด้วยความเร็ว 80-90 กม./ชม. หากเราไม่ได้เร่งรีบในการเดินทาง ก็ไม่จำเป็นต้องขับเร็ว เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น การขับรถให้ความเร็วอยู่ที่ 80-90 กม./ชม. ช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการขับด้วยความเร็ว 95-100 กม./ชม
  1. ไม่บรรทุกของหนักเกินจำเป็น การบรรทุกของหนัก 10 กก. ในระยะทาง 25 กม. ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันได้ 40 ซีซี. นอกจากนี้การนำสัมภาระขึ้นไปผูกวางไว้บนหลังคา ส่งผลให้เพิ่มการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นการขับต้านลมขณะรถวิ่งนั่นเอง
  1. วางแผนการเดินทาง ควรศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนการเดินทาง จะช่วยให้ขับรถถึงที่หมายเร็วขึ้น เป็นเทคนิคช่วยประหยัดน้ำมันอีกทางหนึ่ง รวมถึงช่วยให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด เพราะรถติดเพียงครึ่งชั่วโมง สามารถสิ้นเปลืองน้ำมันได้มากถึง 750 ซีซี.
  1. ควรเติมลมยางให้ตรงตามมาตรฐาน ตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไม่ควรปล่อยให้ความดันลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน เพราะทุก 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ หากลมยางแข็งเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ได้
  1. สตาร์ทเครื่องไม่เปิดแอร์ – ปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาที หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์และเครื่องเสียง พร้อมกันขณะสตาร์ทเครื่อง เพราะเท่ากับเพิ่มภาระให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันถึง 10 เปอร์เซ็นต์  และการปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาทีก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อีก 30 ซีซี.ด้วย

หากนำเทคนิคการขับรถให้ประหยัดน้ำมันนี้ไปใช้ จะพบว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายการสิ้นเปลืองน้ำมันได้จริง ซึ่งจำเป็นมากในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

5 เทคนิคง่ายๆช่วยดูแลถนอมช่วงล่างให้หายห่วง

 

ช่วงล่างของรถทำหน้าที่รองรับน้ำหนักการบรรทุก และแรงสั่นสะเทือนเวลาขับขี่ รวมถึงเป็นตัวขับเคลื่อนในหลายๆอุปกรณ์ ให้รถยนต์สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า การบำรุงรักษาช่วงล่างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

ขอแนะนำ 5 เทคนิคง่ายๆที่จะช่วยถนอมช่วงล่างของรถยนต์

  1. ในขณะขับขี่ให้สังเกตุพื้นผิวถนน หากมีความเสียหาย มีหลุม ขรุขระ ควรชะลอความเร็วในการขับขี่ ไม่ควรใช้ความเร็วเกินไป
  2. ไม่บรรทุกของหนักเกินจำเป็น ส่งผลต่อช่วงล่างและกลไกอื่นๆของรถ 
  3. หากต้องขับผ่านเส้นทางที่มีลูกระนาด หรือถนนลูกรัง หากรถบรรทุกหนัก ควรเหยียบเบรกเพื่อชะลอความเร็วก่อนที่จะถึงลูกระนาด และปล่อยเบรกขณะขึ้นลูกระนาด เพื่อลดแรงกระแทกต่อช่วงล่าง
  4. ควรเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งาน หากลมยางแข็งเกินไปช่วงล่างจะรับแรงกระแทกเยอะ แต่หากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้ระบบการบังคับเลี้ยวทำงานหนักกว่าปกติ
  5. เข้าตรวจเช็กสภาพช่วงล่างตามระยะที่แนะนำ เพื่อให้รถพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

หากปฏิบัติตามคำแนะนำก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานช่วงล่างได้ หากพบความผิดปกติเวลาขับขี่ เช่น มีเสียงดังผิดปกติ รถไม่นิ่ง การควบคุมพวงมาลัยไม่เหมือนเดิม เป็นสัญญาณบอกว่าช่วงล่างอาจมีปัญหา ให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการทันที