เรื่อง

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ยางมีเสียงดังเวลาวิ่ง อาจเกิดได้หลายสาเหตุ ดังนี้ เกิดจากลักษณะโครงสร้าง และดอกยาง รวมถึงแรงดันลมยางก็มีส่วน เช่นยางชนิดออฟโรดหน้ากว้าง และดอกยางลึก เมื่อนำมาวิ่งบนถนนแห้งอาจเกิดเสียงจากดอกยางที่อัดอากาศกับพื้น ดังนั้นเพื่อเป็นการลดเสียงดังของยางมากกว่าปกติ ที่อาจเกิดขึ้นควรมั่นตรวจเช็กลมยางรถ และ ตรวจสอบศูนย์ตามค่าที่กำหนด (มาตรฐานเติมลมยางที่โตโยต้ากำหนดไว้ สามารถตรวจสอบได้จากสติ๊กเกอร์บริเวณขอบประตูด้านคนขับ และยางรถที่ใช้มานานเสียงดังเพิ่มมากขึ้น)

อย่างไรก็ตาม ทุกท่านสามารถนำรถรับการบริการตรวจเช็ก ที่ศูนย์บริการโตโยต้า กรุงไทย ทุกสาขา โทร: 02-510-9999 Facebook: @toyotakrungthai Line ID: @krungthaiservice หรือ นัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้าได้ที่นี่ คลิก

เปลี่ยนยางที่ศูนย์โตโยต้า กรุงไทย ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง

เปลี่ยนยางที่ศูนย์โตโยต้า กรุงไทย ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

เปลี่ยนยางที่ศูนย์โตโยต้า กรุงไทย ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

เมื่อ เปลี่ยนยางที่ศูนย์โตโยต้า กรุงไทย วันนี้ รับสิทธิประโยชน์มากมาย ดังนี้

ที่โตโยต้า กรุงไทย เราคัดสรรยางคุณภาพ ที่เหมาะสมกับรถยนต์โตโยต้าของท่าน

ผ่อนยาง 0% พร้อมฟรีค่าแรง

มั่นใจ กับคุณภาพและบริการ พร้อมรับประกันงานบริการ 1 ปี หรือ 20,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

มั่นใจ ดูแลรถคุณด้วยทีมช่างผู้ชำนาญการผ่านการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานจากโตโยต้า

สะดวกสบาย ประหยัดเวลาเดินทาง กับศูนย์บริการมาตรฐาน ทั้ง 3 สาขาดังนี้ สำนักงานใหญ่ รามอินทรา (กม.9) สาขาเกษตรฯ-พหลโยธิน และสาขาตลิ่งชัน พร้อมห้องรับรองแสนสะดวกสบาย

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน
จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์ ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์ ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน

Thumbnail-01

1. สังเกตจากจุกบอกสภาพยางรถยนต์ หรือดุ่มบอกสภาพยาง

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน 02

2. แก้มยางบวม-รอยแตก หรือแยกส่วนออกจากกัน มีความเสียงสูงที่จะทำยางระเบิด

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน 03

3. ส่วนใหญ่ยางรถยนต์ทุกประเภททุกยี่ห่อ มีอายุของปียางซึ่งจะไม่เกิน 3-4ปี ที่คนส่วนมากมองข้ามกัน เราสามารถดูสัปดาห์ที่ผลิต ที่ติดอยู๋ข้างยาง เราไม่ควรใช้งานที่อายุนานๆ ถึงแม้ว่ามองด้วยตาเปล่าว่าสภาพยางยังใหม่หรือดอกยางยังเหลือเยอะยังสวยอยู่ เราไม่ควรมองข้าม เพราะยางจะเสื่อมสภาพตามอายุ วัสดุที่ผลิต และการใช้งานอู่แล้ว

จะรู้ได้ยังไงว่า ยางรถยนต์เรา ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยน 04

4. รอยรั่วของยาง สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน หากยางของเรามีรอยรั่วหรือไปเหยียบตะปูมาแล้ว มาปะใช้งานต่อแล้วเนี้ย ยิ่งเพิ่มความเอาใจใส่ให้มาก ควรเช็กอย่างสม่ำเสมอ ตำแหน่งรั่วที่สามารถนำกลับมาใช้งานต่อนั้นควรจะอยู๋บริเวณหน้ายาง ไม่ควรอยู่ระหว่างข้างๆแก้มยาง และรอยรั่วไม่ควรกว้างเกิน 1 ซม.

ถ้าหากผู้ใช้งานไม่เช็กความพร้อมของยางอย่างสม่ำเสมอ หรือเช็กแล้วเห็นจุดบกพร่องของยางแล้ว แต่ไม่รีบแก้ไขหรือบรรทุกเกินอัตราที่คู่มือรถกำหนด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนะครับ

ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์บริการโตโยต้า กรุงไทย

car tire_1200x675px

พฤติกรรมที่ทำให้ ยางรถยนต์ เสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด

การเติมลมยาง

การเติมลมยางให้เหมาะสมกับประเภทใช้งาน

การเติมลมยางให้เหมาะสมกับประเภทใช้งาน

การเติมลมยางรถยนต์ มีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับการเติมลมยางขนาดนั้น นั้นก็เพราะ ยางรถยนต์เป็นส่วน แบกรับน้ำหนักทั้งหมด จึงเป็นสาเหตุที่ต้องคอยดูแลยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ อย่าให้ลมยางรถยนต์อ่อนหรือแข็งมากเกินไป  ซึ่งการเติมลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐาน จะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง และจะส่งผลกระทบต่อไหล่ยาง จะให้เกิดความร้อนสูง และก็จะสึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่นๆ จะทำให้ยางของเราไหม้ได้ หรือบริเวณแก้มยางฉีกขาดได้ด้วย และทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันด้วย และหากเติมลมยางเกินมาตรฐานมากเกินไป ก็จะทำให้พื้นที่สัมพันธ์ของหน้ายางกับพื้นถนนั้นลดลง ทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่าย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และอาจจะทำให้ยางเกิดการระเบิดได้ง่าย เมื่อได้รับแรงกระแทกหรือถูกของมีคม นอกจากนั้นก็จะส่งผลต่อการขับขี่ ที่ทำให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลง หากเราไม่ทราบว่าจะเติมเท่าไหร่ดี สามารถดูได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ด้านข้างประตู หรือในสมุดคู่มือรถยนต์ได้นะครับ

การเติมลมยางแบบมีเกจ์วัด

และทำไมเราถึงต้องเติมลมยางให้เหมาะสมกับรถแต่ละประเภทละ ?

     นั่นก็เพราะรถแต่ละประเภท มีขนาดยางไม่เท่ากัน ทั้งการใช้งานที่แตกต่างกัน การรับน้ำหนักก็ต่างกันของรถแต่ละประเภท ซึ่งมาตรฐาน การเติมลมยางรถยนต์ ก็จะแตกต่างกันไป โดยทางโรงงานผู้ผลิตจึงได้กำหนดการเติมลมยางรถออกมาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของรถในแต่ละประเภท ดังนั้นเราลองมาดูกันว่า รถประเภทไหนควรเติมลมยางเท่าไหร่

วิธีการเติมลมยางที่เหมาะสมของรถยนต์แต่ละประเภท ดังนี้

  1. สำหรับการเติมลมยางรถกระบะ 2 ประตู และ 4 ประตู และรถ SUV (รถยนต์นั่งอเนกประสงค์) ให้เหมาะสมนั้น ซึ่งตามมาตรฐานแล้วควรจะเติมลมยางได้สูงสุดไม่เกิน 65 ปอนด์/ตารางนิ้ว
  2. รถเก๋งที่มีขนาดกลาง-ใหญ่ หรือรถเก๋งที่มีขนาดเครื่องยนต์ที่อยู่ในระดับ 1500 cc ขึ้นไป ความดันลมยางที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 30 – 35 ปอนด์ / ตารางนิ้ว
  3. รถเก๋งที่มีขนาดเล็ก ก็คือรถเก๋งที่มีขนาดเครื่องยนต์น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1500 cc ซึ่งความดันลมยางที่เหมาะสม จะอยู่ที่ประมาณ 25 – 30 ปอนด์ / ตารางนิ้ว

     ทั้งนี้การเติมลมยางให้เหมาะสมกับประเภทและการใช้งานของรถยนต์นั้น ถือได้ว่าเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถยนต์และยางรถยนต์ได้อีกทาง และยังช่วยให้รถยนต์เราประหยัดน้ำมัน พร้อมทั้งยังช่วยสร้างความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วยนะครับ