เรื่อง

ศูนย์บริการโตโยต้าให้ใจ ให้มากกว่าใคร ปลอดฝุ่นอุ่นใจ ปลอดภัยจากมลพิษ

ศูนย์บริการโตโยต้าให้ใจให้มากกว่าใคร ปลอดฝุ่นอุ่นใจ ปลอดภัยจากมลพิษ ดูแลรถ ช่วยลดควันดำสาเหตุ PM2.5 ที่ศูนย์บริการโตโยต้า


หมายเหตุ

  • จำกัดสิทธิ์สำหรับลูกค้าโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ และไฮลักซ์ รีโว่ ที่มีอายุรถตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ที่เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น
  • แพ็กเกจเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องราคาพิเศษ พร้อมบริการตรวจเช็ก ฟรี 38 รายการ จากบริการ ECO PACK Service
  • ราคาโปรโมชันดังกล่าวเป็นราคาสุทธิแล้ว (รวมค่าอะไหล่ ค่าแรง และภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • รับประกันงานซ่อม 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร
  • โปรโมชันดังกล่าวเฉพาะการเปิดงานซ่อมที่ศูนย์บริการฯ เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับการซื้ออะไหล่ไปใช้ภายนอกศูนย์บริการฯ ได้ 
  • กรุณานัดหมายก่อนเข้ารับบริการ / สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 025109999กด9

ศูนย์บริการโตโยต้าให้ใจ ให้มากกว่าใคร

ศูนย์บริการโตโยต้าให้ใจ ให้มากกว่าใคร เช็กระยะหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องวันนี้ รับส่วนลดพิเศษมากมาย

หมายเหตุ

  • 1.จำกัดสิทธิ์สำหรับลูกค้าโตโยต้าที่นำรถเข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566เท่านั้น
  • 2.รายการอะไหล่ลด 20% เมื่อเปลี่ยนพร้อมเช็กระยะหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือลด 15% เมื่อเปลี่ยนเฉพาะอะไหล่เพียงอย่างเดียว (เฉพาะหมายเลขอะไหล่ที่กำหนด โปรดสอบถามรายละเอียดที่ศูนย์บริการโตโยต้าใกล้บ้านท่าน) พร้อมรับประกันงานซ่อม 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร
    – กลุ่มเบรก
    – กลุ่มโช้คอัพ
    – กลุ่มช่วงล่าง
    – กลุ่มสายพาน
    – กลุ่มคลัทช์
    – น้ำยาล้างหัวฉีด (Injector Cleaner)
    – น้ำยาเติมหม้อน้ำรถยนต์ (Coolant)
    – ไส้กรองอากาศ
    – ไส้กรองแอร์
    – กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
    – ผลิตภัณฑ์แอร์แคร์ (ไม่รวมค่าแรง)
    – น้ำยาขจัดคราบเขม่า (Engine Flushing Oil) (ไม่รวมค่าแรง)

3.ส่วนลดยางรถยนต์ 1,500 บาท เมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้น พร้อมเช็กระยะหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือ ส่วนลดยางรถยนต์ 1,000 บาท เมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้น สำหรับยางทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ทุกขนาด และรับส่วนลดเพิ่มเติมหรือของสมมนาคุณเมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้นเฉพาะยี่ห้อและรุ่นที่กำหนด รายละเอียด ดังตาราง

  • 4.ฟรีค่าแรงเปลี่ยนยาง, ฟรีค่าแรงตั้งศูนย์ถ่วงล้อ, ฟรีรับประกันอุบัติเหตุยาง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตรเมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้น รายละเอียดเพิ่มเติม https://aftersales.toyota.co.th/tyres
  • 5.ส่วนลดแบตเตอรี่แท้โตโยต้า พร้อมเทิร์น (28800*) ส่วนลดแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
    – ส่วนลด 450 – 750 บาท เมื่อเปลี่ยนพร้อมเช็กระยะหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
    – ส่วนลด 350 – 650 บาท เมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างเดียว
    **โปรดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการใกล้บ้านท่าน
  • 6.ฟรีค่าแรงเปลี่ยนแบตเตอรี่ พร้อมฟรีรับประกัน 1 ปีไม่จำกัดระยะทาง 
  • 7.เงื่อนไขและรายละเอียดบริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตเป็นไปตามที่ธนาคารเจ้าของบัตรกำหนด ใช้เฉพาะธนาคารและผู้แทนจำหน่ายที่ร่วมโครงการเท่านั้น กรุณาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย หรือ https://aftersales.toyota.co.th/promotions
  • 8.นัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้ารับบริการได้ผ่านช่องทางออนไลน์ https://aftersales.toyota.co.th/appointment หรือแอปพลิเคชัน T-Connect
  • 9.ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือบริการอื่นๆ ทดแทนได้
  • 10.ลูกค้าทั่วไป, ลูกค้าตามกลุ่ม และลูกค้ารายใหญ่ของผู้แทนจำหน่ายสามารถใช้สิทธิ์ได้ ภายในระยะเวลากิจกรรมเท่านั้น
  • 11.ยกเว้นรถยนต์โตโยต้า ที่มิได้จำหน่ายโดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย, รถยนต์โตโยต้าที่เป็นทรัพย์สินของผู้แทนจำหน่าย, รถยนต์พนักงานของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด (ยกเว้นแคมเปญยาง สามารถใช้ได้) และยกเว้นรถที่เข้าร่วมกิจกรรมลูกค้ารายใหญ่ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (Fleet Sales, Fleet Service) จำนวน 16 บริษัท ดังนี้
    1) บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จากัด (มหาชน)
    2) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน)
    3) บริษัท สยามคาร์เรนท์ จำกัด มีบริษัทในเครืออีก 4 แห่ง คือ 1. กรุงเทพ คาร์เซ็นเตอร์ 2. เอ็ม แซท ดี 3.TGN มอเตอร์ 4. CNG คาร์เซ็นเตอร์
    4) บริษัท วี.อาร์.พี.แอดวานซ์ จำกัด
    5) บริษัท ออลไทย แท็กซี่ (นครชัยแอร์) PRIUS TAXI
    6) บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด
    7) บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลีสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส
    8) บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด
    9) บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด
    10) บริษัท ทีซี คาร์ โซลูชั่นส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
    11) บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด
    12) บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ (1978) จำกัด
    13) บริษัท ที เค วาย ลีสซิ่ง จำกัด
    14) บริษัท เฟรนด์ชิพ ลิสซิ่ง จำกัด
    15) บริษัท ทรู ลีสซิ่ง จำกัด
    16) บริษัท อาคเนย์แคปิตอล จำกัด
  • 12.จำกัดสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเฉพาะการเปิดงานซ่อมที่ศูนย์บริการฯ เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับการซื้ออะไหล่ไปใช้ภายนอกศูนย์บริการฯ ได้
  • 13.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการโตโยต้ากรุงไทย 025109999กด501
    14.เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

อะไหล่รถที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด มีอะไรบ้าง

การดูแลรักษารถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆในรถยนต์นั้น มีการสึกหรอตามการใช้งานของมัน มาดูกันว่ามีอะไหล่ส่วนใดบ้างที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด

10 อะไหล่ในรถยนต์ ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด มีอะไรบ้าง

  1. น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง 

น้ำมันเครื่องเป็นปัจจัยหลักในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนดทุกครั้ง หรือหากพบว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท นั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องหมดอายุ  ให้ทำการเปลี่ยนก่อนกำหนดได้เลย

ระยะเวลาที่เราควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนั้นก็อยู่ที่ ทุกๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเครื่อง

  1. ผ้าเบรก 

ผ้าเบรกคือชิ้นส่วนหลักที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของรถ ควรมีการตรวจเช็คทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หากผ้าเบรกใกล้หมดจะมีเสียงดังเอี๊ยดเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรก หากผ้าเบรกหมดและไม่แก้ไข อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

  1. แบตเตอรี่

แบตเตอรี่มีทั้งแบบแห้งและเปียก ซึ่งแบบแห้งก็จะไม่ต้องดูแลรักษาใดๆตลอดอายุการใช้งาน แต่แบบเปียก จำเป็นต้องมีการเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับอยู่เสมอ 

ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2-3 ปีแล้วแต่การใช้งาน แบตเปียกควรเช็คน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

  1. ไส้กรองอากาศ 

ไส้กรองอากาศเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการกรองสิ่งสกปรกในอากาศก่อนเข้าไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งหากว่ามีสิ่งสกปรกอุดตันเป็นจำนวนมากก็จะทำให้การเผาไหม้นั้นไม่สมบูรณ์ ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ก็จะลดลง

ระยะเวลาในการเปลี่ยนไส้กรองอากาศนั้นอยู่ที่ระยะเวลา 1 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร และควรจะเป่าทำความสะอาดทุกๆ 3,000 – 5,000 กิโลเมตร

  1. น้ำมันเกียร์ และไส้กรองน้ำมันเกียร์

ระบบเกียร์มีชิ้นส่วนประกอบที่เป็นโลหะเข้าด้วยกันจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไป แบบ CVT หรือแบบ Dual-clutch ซึ่งระบบเกียร์นั้นจะมีการเคลื่อนที่ภายในตลอดเวลา จึงมีอัตราการสึกหรอสูง น้ำมันเกียร์เป็นสิ่งสำคัญในการลดการสึกหรอดังกล่าว

ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 20,000 – 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ

  1. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง

ชิ้นส่วนนี้จะสามารถพบได้ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นมีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกต่างๆ และน้ำที่มาพร้อมกับน้ำมันที่เราเติมตามปั๊ม หากไส้กรองตันและปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป จนแรงดันน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ไม่พอ จะส่งผลให้เครื่องยนต์มีอาการเร่งไม่ขึ้น กระตุก และสตาร์ทยากได้

แนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 2 ปี หรือ ทุกๆ 80,000 กิโลเมตร

  1. หลอดไฟต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟเลี้ยวต่างๆ ไฟตัดหมอก ควรตรวจเช็คอยู่เสมอว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ หากเสียหรือใช้การไม่ได้ ให้รีบเปลี่ยน

  1. สายพานไทม์มิ่ง

สายพานไทม์มิ่งเป็นสายพานหลักของเครื่องยนต์ หากเกิดการชำรุดหรือขาด จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์อย่างรุนแรง เมื่อรถวิ่งครบ 150,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง

  1. หัวเทียน

หัวเทียนส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก หากหัวเทียนเก่าจนเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์สะดุดทำงานได้ไม่เต็มที่

ควรเปลี่ยนหัวเทียนประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 100,000 กิโลเมตร

  1. ใบปัดน้ำฝน

ใบปัดน้ำฝน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานบ่อย แต่ก็ควรตรวจเช็คให้แน่ใจทุกครั้งโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน หากไม่สามารถรีดน้ำได้เหมือนปกติ ปัดไม่สะอาด หรือปัดแล้วเกิดรอยเป็นเส้นๆ ควรรีบเปลี่ยน ระยะเวลาในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนนั้นก็อยู่ที่เวลาประมาณ 1 ปี

การดูแลรักษารถยนต์ และอะไหล่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน อะไรชำรุดเสียหายก็ควรเปลี่ยนหรือซ่อม ไม่ควรมองข้ามหรือปล่อยผ่าน หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดความเสียหายที่มากขึ้น

รถเร่งไม่ขึ้นเกิดจากอะไร?

สาเหตุที่เหยียบคันเร่งแล้วรถไม่พุ่ง เร่งไม่ขึ้นเพราะอะไร

อาการเครื่องอืด ออกตัวไม่แรง เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น  อาการแบบนี้อาจบอกได้ว่าภายในเครื่องยนต์ผิดปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุเป็นเพราะการละเลยไม่ดูแลเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

รถเร่งไม่ขึ้น

สาเหตุที่เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น เกิดจาก

  1. กรองอากาศ
    กรองอากาศสกปรกอุดตัน ทำให้เครื่องยนต์ดูดอากาศไม่เต็มที่ นอกจากอัตราเร่งตกแล้ว ยังสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกด้วย จึงควรเปลี่ยนกรองอากาศทุก ๆ ระยะทาง 20,000 หรือ ระยะเวลา ไม่เกิน 12 เดือน

    2. หัวเทียน
    หน้าที่ของหัวเทียน คือ จุดระเบิดเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง หากหัวเทียนสึกหรอหรือมีปัญหาก็ทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ รถเหยียบเร่งไม่ขึ้น ทั้งยังทำให้รถกินน้ำมันอีกต่างหาก

    3. คอยล์จุดระเบิด
    คอยล์จะเป็นตัวกำเนิดไฟฟ้าแรงสูงส่งไปยังหัวเทียน เพื่อใช้ในการเผาไหม้เชื้อเพลิง เมื่อไรที่คอยล์เสื่อมก็ทำให้ผลิตแรงดันไฟไม่เพียงพอในการทำงาน

    4. กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
    เมื่อไรที่กรองน้ำมันมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน ก็ทำให้เกิดอาการสะดุด เครื่องเดินไม่นิ่ง เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น ควรเปลี่ยนทุก ๆ ระยะ 40,000 กิโลเมตร

    5. น้ำมันเครื่อง
    หากไม่เปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดจะทำให้น้ำมันเครื่องมีสิ่งสกปรก ส่งผลทำให้รถอืดและเกิดการสึกหรอสูงขึ้น ควรเปลี่ยนทุก ๆ ระยะ 10,000 กิโลเมตร หรือ ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน

    ***เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อน ๆ ควรหมั่นตรวจเช็กเครื่องยนต์ และนำรถเข้าเช็กตามระยะอย่างสม่ำเสมอนะคะ***

 

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-บ่อยแค่ไหน-น้ำมันเครื่อง-โตโยต้า

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน เพื่อถนอมรักษาเครื่องยนต์

เพราะเครื่องยนต์เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ น้ำมันเครื่องจึงสำคัญมากเช่นกัน เพราะช่วยทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยหล่อลื่น ลดแรงเสียดทาน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ชำระล้างสิ่งสกปรกและยังช่วยป้องกันเครื่องยนต์ส่วนต่างๆ ไม่ให้สึกหรอ

เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-บ่อยแค่ไหน-น้ำมันเครื่อง-โตโยต้า

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน เพื่อถนอมรักษาเครื่องยนต์

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
คือหนึ่งในสิ่งสำคัญของการดูแลถนอมรักษาเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ไม่มีปัญหาและยืดอายุการใช้งาน
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามการใช้งานของรถ รถใช้งานเยอะหรือน้อยแต่ละท่านใช้รถต่างกัน

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจึงแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
-เช็คตามระยะทางหรือเข็มไมล์ รถใช้เยอะขับเยอะวิ่งงานต่างๆ ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อบำรุงรักษาเครืองยนต์
-เช็คตามระยะเดือน สำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานไม่ค่อยได้ออกวิ่งก็ยังจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุก 6 เดือน เพื่อรักษาเครื่องยนต์ให้ไม่เกิดปัญหา

หากไม่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนานเกินไปหรือเกินระยะที่กำหนดไปมาก อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนและแรงเสียดทานจนทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ สึกหรอเร็วขึ้น หรือมีสิ่งสกปรกอุดตัน และยังอาจทำให้รถเป็นสนิมจนกัดกินลึกถึงเครื่องยนต์ได้ จะทำให้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ลดลง จนเป็นเหตุทำให้อะไหล่ชำรุดเสียหาย ทำให้ต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงที่แพงขึ้น เนื่องจากต้องเปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอหรือชำรุดอีกด้วย

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 6 เดือน หรือ ทุกๆ10,000 กิโลเมตร จึงจำเป็นและสำคัญมากในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์

***อย่าลืมตรวจเช็กน้ำมันเครื่องอยู่เสมอทั้งสี ระดับของน้ำมันเครื่อง หรือตรวจสอบว่าน้ำมันเครื่องมีจุดรั่วไหลหรือไม่***

รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมนำรถเข้าเช็คระยะ-เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ศูนย์บริการรถยนต์ ตามระยะและเวลาที่กำหนดกันด้วยนะ