แหล่งรวบรวมอัพเดทเรื่องราว สาระความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ ข่าวสาร เคล็ดลับยานยนต์ คลิปวิดีโอรีวิวรถยนต์โตโยต้า เทคนิคยานยนต์ เทคโนโลยีในรถยนต์โตโยต้า รีวิวรถโตโยต้า และเกล็ดความรู้ต่างๆจาก โชว์รูม – ศูนย์บริการมาตรฐานโตโยต้า กรุงไทย

อาการรถกระตุก เครื่องยนต์สะดุด มีสาเหตุจากอะไรบ้าง

เมื่อสตาร์ทรถ แล้วรถมีอาการกระตุกหรือเครื่องยนต์สั่นมากจนผิดสังเกต รวมถึงตอนขับปกติและเร่งความเร็ว เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง และแก้ไขอย่างไร

  1. ยางแท่นเครื่องเสื่อม เป็นสาเหตุยอดนิยมที่ทำให้เกิดอาการเครื่องสั่น อาจเกิดจากยางแท่นเครื่องชำรุด เนื่องจากยางแท่นเครื่องมีหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนขณะที่เครื่องกำลังหมุน เมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะเกิดอาการเสื่อมหรือฉีกขาด

วิธีแก้ไข ควรให้ช่างเปลี่ยนยางแท่นเครื่องใหม่ โดยปกติแล้วเมื่อมีอายุการใช้งานครบ 100,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนใหม่ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น เมื่อเจอทางขรุขระ, ลูกระนาด, หลุม, หรือเศษหินเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้นถนน ควรลดความเร็วลง หรือใช้ความเร็วต่ำ

  1. หัวเทียนเสื่อมสภาพ ปัญหาหัวเทียนเสื่อมสภาพสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ นอกจากจะทำให้รถกระตุกแล้วยังทำให้รถสตาร์ทไม่ติดอีกด้วย 

วิธีแก้ไข ให้ถอดหัวเทียนออกมาตรวจเช็กว่ามีคราบเขม่าหรือไม่ หากมีให้ทำความสะอาดจนหมดคราบและใส่กลับเข้าที่ หรือหากเริ่มสึกหรอควรเปลี่ยนหัวเทียนใหม่

  1. ไส้กรองอากาศสกปรกอุดตัน เป็นอีกตัวการที่ทำให้รถกระตุกเพราะอากาศไม่สามารถเข้าไปที่ห้องเผาไหม้ได้

วิธีแก้ไข ถอดไส้กรองอากาศออกมาล้างทำความสะอาด หรือหากไส้กรองหมดอายุแล้วก็ควรเปลี่ยนใหม่ โดยระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนไส้กรองคือทุก 10,000 กิโลเมตร

  1. หัวฉีดน้ำมันสกปรก หากหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มสกปรกหรืออุดตันก็อาจทำให้เครื่องยนต์สั่นได้

วิธีแก้ไข เติมสารล้างหัวฉีดที่สามารถหาซื้อได้ตามปั๊มน้ำมันทั่วไป เติมสารดังกล่าวลงในน้ำมัน อัตราส่วน 1 ขวดต่อน้ำมันเต็มถัง หรือจะนำรถเข้าศูนย์เพื่อถอดล้างหัวฉีดก็ได้เช่นกัน

  1. กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตัน กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกรองและดักจับสิ่งสกปรกที่อาจปะปนมากับน้ำมันเชื้อเพลิง หากกรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตันก็จะทำให้เครื่องยนต์สั่นได้ เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายไปที่เครื่องยนต์ไม่ทันกับการใช้งานนั่นเอง

วิธีแก้ไข ถอดกรองน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาเปลี่ยน แต่ควรทำโดยช่างผู้ชำนาญเท่านั้น

ทั้งหมดคือสาเหตุที่ทำให้รถกระตุก เครื่องยนต์สั่น และวิธีแก้ไขเบื้องต้นแต่ทางที่ดีควรนำรถเข้าเช็กตามระยะทางที่กำหนดไว้เสมอ พร้อมบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนใหม่ จะได้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาเครื่องยนต์สั่นอีกต่อไป 

เช็กได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยน บูชคันเกียร์

บูชคันเกียร์ คือตัวช่วยล็อกให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ หากบูชเกียร์หลวม หรือแตก จะทำให้เข้าเกียร์ยาก วิธีสังเกตคือ เกียร์มีอาการหลวม โยกไปมาได้มากกว่าปกติ ไฟแสดงตำแหน่งเกียร์ที่หน้าปัด เริ่มมีการคลาดเคลื่อน บูชคันเกียร์เสื่อมสภาพจะทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ไปตำแหน่งอื่นได้ หรือเกิดอาการเกียร์หลุด สำหรับอาการเกียร์หลุดในเกียร์อัตโนมัติเกียร์จะค้างที่เกียร์ถอยหลัง แม้จะเปลี่ยนเกียร์แต่รถก็ยังถอยหลัง ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา ส่วนใหญ่จะหลุดจากเกียร์ที่ขับไปยังตำแหน่งเกียร์ว่าง ต้องรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คทันที

 

2023 Toyota Innova Zenix เอ็มพีวีขับเคลื่อนล้อหน้า

Toyota Innova Zenix 2023 เอ็มพีวีขับเคลื่อนล้อหน้า เติมเต็มความสุขทุกการเดินทาง

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ ALL-NEW TOYOTA INNOVA ZENIX รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด เป็นรถเอ็มพีวีขับเคลื่อนล้อหน้าภายใต้ชื่อ Toyota Innova Zenix ปรับใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดท้ายรวมถึงงานวิศวกรรมใหม่ยกแผงนำเข้าจากอินโดนีเซียใหญ่โตด้วยหน้าตาบิ๊กบึ้มตั้งแต่ ไฟหน้า LED กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมโครเมียม กันชนหน้าออกแบบเป็นรูปตัว H พร้อมไฟ DRL แบบ LED เส้นแนวนอนสองข้าง ช่องระบายอากาศใต้กันชนติดตั้งไฟตัดหมอกทรงกลมแบบ LED ใช้ Patform ตัวถังใหม่ TNGA พร้อมช่วงล่างใหม่ และพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ให้การควบคุมรถที่แม่นยำ ง่ายดาย ทัศนวิสัยรอบคันดีเยี่ยม มั่นใจทุกสภาพถนน
innova-2023
ภายในห้องโดยสาร
ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชันระดับพรีเมียม เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารแถวสองปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ มีไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งแถว 3 พับได้เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบดิจิตอลพร้อมช่องแอร์ด้านหลัง คอนโซลเกียร์แนวตรง พร้อมปุ่มข้างๆใช้งานสะดวกเช่นเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูล MID 7 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านพร้อม Paddle Shift หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ช่องเสียบ USB Type C สี่จุด และเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold สีพิเศษใหม่ Dark Steel Mica
innova-2023-

เครื่องยนต์
ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ใหม่ล่าสุด ตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มนวล ทรงพลัง กำลังสูงสุด 186 แรงม้า เกียร์ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 21.3 กม./ลิตร

ออปชันความปลอดภัยพื้นฐานมีครบ
ทั้ง Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยหลัง Back Guide Monitor กล้องมองภาพขณะถอยหลังในรุ่น SMART และกล้องมองภาพรอบคันในรุ่น Premium ช่วยเตือนขณะถอยรถ Hill-start Assist Control ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Blind Spot Monitor ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรี Vehicle Stability Control ควบคุมการทรงตัว ดิสก์เบรก 4 ล้อ ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุดรอบคัน สัญญาณไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน ESS และแจ้งเตือนระดับลมยาง TPMS
innova-2023ราคา ALL NEW TOYOTA INNOVA ZENIX
รุ่น 2.0 HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
รุ่น 2.0 HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท

อยากให้รถเงางาม ควรเคลือบสีรถบ่อยแค่ไหน

การเคลือบสีรถสามารถทำได้บ่อยแค่ไหน ทุกอาทิตย์ เดือนละครั้ง หรือต้องเคลือบทุกครั้งที่ล้าง ความจริงแล้วสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่เพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป ก็ให้นำรถไปล้างและเคลือบสีได้ทุกๆ 2 สัปดาห์ แต่ไม่ควรเว้นระยะนานเกินไป และการเคลือบสีรถควรทำเป็นประจำ 

การเคลือบสีรถยนต์มีข้อดี เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องสีของรถไม่ให้สีจริงถูกทำลายจากสภาพแวดล้อม ยังช่วยไม่ให้สีของรถซีดจาง หมอง เหลือง โดยเฉพาะรถสีขาว ช่วยประหยัดค่าทำสีใหม่ทั้งคัน รวมถึงปกป้องรอยขูดขีดเล็กๆน้อยๆ และการเกิดคราบน้ำได้อีกด้วย

การเคลือบสี คือสิ่งสำคัญสำหรับสีรถ เพราะช่วยให้รถเงางาม ดูใหม่ และยังช่วยปกป้องสภาพชั้นสีของรถอีกด้วย บางคนอาจคิดว่าการเคลือบสีรถยนต์ไม่ควรทำบ่อยเกินไปเพราะอาจจะส่งผลต่อสีของรถ แต่จริง ๆ แล้วการเคลือบสีไม่ทำให้สีจริงของรถได้รับความเสียหาย 

 

เกียร์ออโต้ ตำแหน่งต่างๆ ใช้อย่างไรบ้าง?

รถยนต์เกียร์อัตโนมัติกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากขับขี่นุ่มนวลและสะดวกสบาย เหมาะกับสภาพถนนในปัจจุบัน และยังช่วยควบคุมรถได้ดีขึ้น

ตำแหน่งต่างๆและตัวเลขของเกียร์ออโต้ คืออะไร

  1. P ย่อมาจาก Parking : เกียร์สำหรับจอดแบบล็อคล้อ หากจอดบนที่ลาดชัน ให้ใช้ร่วมกับการดึงเบรกมือ
  2. R ย่อมาจาก Reverse : เกียร์ถอยหลัง เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ รถจะถอยหลังได้เองอย่างช้าๆ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง เพราะจะทำให้รถถอยหลังอย่างเร็ว เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ ควรวางเท้าไว้ที่แป้นเบรกตลอดเวลา
  3. N ย่อมาจาก Neutral : เกียร์ว่าง สำหรับจอดรถแบบชั่วคราว เช่นจอดติดไฟแดง หรือจอดชะลอกรณีการจราจรติดขัด และยังสามารถใช้จอดไว้ในที่จอดรถตามห้าง โดยล้อจะไม่ถูกล็อค สามารถเข็นได้
  4. D ย่อมาจาก Drive : เกียร์หลัก สำหรับการขับขี่ปกติใช้สำหรับเดินหน้า เมื่อเกียร์อยู่ตำแหน่ง D รถจะออกตัวแล่นไปเองช้าๆ เมื่อเหยียบคันเร่ง เกียร์จะเปลี่ยนให้เองอัตโนมัติ เริ่มตั้งแต่เกียร์ 1 ไปถึงเกียร์สูงสุด โดยจะขึ้นอยู่กับความเร็วของรถ เน้นวิ่งทางราบเป็นหลัก

          – D3 เป็นเกียร์ที่เราจะใช้เมื่อต้องการเร่งเครื่องแซง เมื่อเกียร์อยู่ตำแหน่ง D3 เครื่องยนต์จะมีกำลังแรงมากขึ้นที่จะขับแซงคันหน้าได้ หรืออาจใช้เมื่อขับขึ้นทางชันเล็กน้อย เช่นขับขึ้นสะพาน

          – D2 เป็นเกียร์ที่จะใช้เมื่อขับรถขึ้น-ลงเนินที่ค่อนข้างชัน เช่นภูเขา หรือทางคดเคี้ยว หรือที่จอดตามห้างและอาคารสูงๆ

  1. S ย่อมาจาก Sport : เกียร์Sport มักจะมีในรถยนต์ออโต้รุ่นใหม่ๆ เกียร์นี้จะช่วยให้เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ช้าลง เครื่องยนต์ลากรอบมากกว่าปกติ รถจะมีกำลังมากขึ้น ไว้สำหรับเร่งแซง
  2. L ย่อมาจาก Low (หรือ D1) เป็นเกียร์ต่ำ ใช้ขับกรณีขึ้นภูเขา ลาดชันสูง รวมไปถึงการลงเขา รถจะใช้ความเร็วต่ำ ให้ความปลอดภัยได้มากกว่า

การใช้งานเกียร์อัตโนมัติอย่างถูกวิธีก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถ และช่วยยืดอายุเกียร์ให้สามารถใช้ได้ไปอีกยาวๆ