เคล็ดลับยานยนต์ คลิปวิดีโอ รีวิวรถโตโยต้า ข่าวอัพเดทโตโยต้า เทคนิคยานยนต์ ประกันภัยรถยนต์ และ รอบรู้เรื่องรถอื่นๆ รวมถึงโปรโมชั่นรถใหม่ป้ายแดง

ปัญหายุงในรถรบกวนสมาธิ มีวิธีง่ายๆ ไล่ยุงออกจากรถ

ปัญหายุงในรถที่รบกวนคนขับ และน่ารำคาญสำหรับคนนั่งอาจดูเป็นปัญหาเล็กน้อยแต่ก็ส่งผลต่อสมาธิของคนขับเป็นอย่างมาก 

วิธีง่ายๆในการไล่ยุงออกจากรถ

หลายๆคนเข้าใจว่าการเปิดกระจกรถทุกบานจะสามารถทำให้ยุงบินออกไปได้เอง แต่ความเป็นจริงแล้ว ด้วยแรงลมที่พัดเข้ามาขณะรถวิ่ง ทำให้ยุงไม่สามารถบินออกไปได้ ดังนั้นให้เปิดกระจกรถเพียงบานเดียว แรงลมจากภายนอกจะดูดยุงออกไปเอง

แต่ทางที่ดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้ยุงเข้ามาในรถของเราได้โดยไม่เปิดกระจกหรือประตูรถทิ้งไว้ จอดรถในที่โล่งอากาศถ่ายเท ไม่มีแหล่งน้ำขัง ดูแลรถให้สะอาดไม่มีกลิ่นอับอยู่เสมอ

 

คิกดาวน์ บ่อยๆ ส่งผลอายุการใช้งานเกียร์สั้นลง

การคิกดาวน์ (Kickdown) คือการเหยียบคันเร่งให้ลึกกว่าปกติเพื่อลดตำแหน่งเกียร์ลงมา 1-2 ระดับ ซึ่งจะช่วยเรียกกำลังให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการเร่งแซงที่ต้องการเพิ่มความเร็วในทันที

แต่การคิกดาวน์ มีผลทำให้รอบเครื่องยนต์ขึ้นเกือบสูงสุด ชุดเกียร์ต้องรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด ชุดเฟืองเกียร์ก็ต้องรับแรงบิดที่มากขึ้น เกียร์มีการเสียดสีอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการสึกหรอในชุดคลัตช์ของเกียร์ได้ หากทำเช่นนี้ประจำจะส่งผลให้อายุการใช้งานเกียร์สั้นลง และมีผลทำให้เปลืองน้ำมันด้วยเช่นกัน

ทางที่ดีควรคิกดาวน์เท่าที่จำเป็นเท่านั้น (เช่นการแซงบนถนนเลนสวน) แต่ถ้าเป็นถนนหลายเลน ให้ใช้วิธีค่อยๆเพิ่มความเร็ว จะช่วยยืดอายุการใช้งานชุดเกียร์ได้

จอดรถบนทางลาดชัน (ด้วยเกียร์ P) ตามขั้นตอนที่ถูกต้องช่วยถนอมเกียร์ได้

ระบบเกียร์ออโต้ หรือเกียร์อัตโนมัติ แทบจะกลายเป็นระบบเกียร์ส่วนใหญ่ของรถที่วิ่งบนถนนในเมืองไทยไปแล้ว ไม่ว่าจะเก๋งหรือกระบะ เพราะสะดวกสบายตอนขับขี่ แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าเวลาต้องซ่อมเช่นกัน แต่การจอดที่ถูกวิธีก็มีส่วนช่วยในการถนอมเกียร์ได้

โดยทั่วไปควรจอดรถในทางราบปกติเลี่ยงการจอดบนทางลาดชัน เพราะการจอดบนทางลาดชันจะทำให้เกียร์ P ทำงานหนัก แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็สามารถทำได้โดยมีขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนี้

  • เหยียบเบรกให้รถไม่ไหล จากนั้นใส่เกียร์ N และดึงเบรกมือขึ้นจนสุด
  • ค่อยๆปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก ดูว่ารถยังไหลได้หรือไม่
  • ถ้ารถยังไหลให้แตะเบรกและดึงเบรกมือขึ้นจนสุดอีกครั้งจนรถไม่มีการไหล
  • จากนั้นค่อยใส่เกียร์ P และดับเครื่องยนต์

เพียงแค่การจอดรถถ้าทำผิดวิธีบ่อยๆก็อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในของเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทุกครั้งที่จอดบนทางลาดชันหรือบนทางปกติถ้าทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอก็สามารถยืดอายุเกียร์ของรถให้อยู่กับคุณไปนานๆได้

ควรเลือกแบตเตอรี่รถยนต์แบบไหน ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

แบตเตอรี่ ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสำหรับรถยนต์ทุกคัน เพราะมันคือแหล่งพลังงานแรกที่จะเอาไว้สตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดและพร้อมเดินทางได้ และมีอายุการใช้งาน เมื่อแบตหมดก็ต้องเปลี่ยนใหม่ 

 ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้น แบตเตอรี่รถยนต์จึงถูกผลิตออกมาหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง

  1. แบตเตอรี่แบบน้ำ หรือ แบตเตอรี่ธรรมดา คือแบตเตอรี่ที่หลายคนคุ้นเคยดีเป็นที่นิยมใช้มากที่สุด ราคาถูกสุด แต่ก่อนใช้งานต้องมีการเติมน้ำกรดลงไป แล้วชาร์จไฟเข้าไปก่อนการใช้งาน การเลือกใช้แบตเตอรี่ประเภทนี้ต้องดูแลเติมน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ 

      ข้อดี : มีความทนทานต่อการปะจุไฟเกินและคายประจุ มีอายุที่ใช้งานค่อนข้างนานและราคาถูก

      ข้อเสีย : ต้องคอยตรวจสอบระดับน้ำกลั่นก่อนการใช้งานอยู่เสมอ อาจจะสัปดาห์ละครั้งขึ้นอยู่กับการใช้งาน และหากมีการเคลื่อนย้ายตัวแบตเตอรี่ต้องระมัดระวังสารละลายที่อาจรั่วไหลออกมาได้

  1. แบตเตอรี่แบบแห้ง คือแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรเลย ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น สามารถปล่อยทิ้งไว้ในสภาพที่ไม่มีประจุไฟได้นานกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ ไม่ต้องชาร์จไฟเพื่อกระตุ้นแบตเตอรี่

      ข้อดี : เหมาะกับคนในยุคปัจจุบันที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลรถยนต์ ไม่ต้องเช็กบ่อยๆ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แบตไม่หมดแม้จะไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน

      ข้อเสีย : มีราคาค่อนข้างสูงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ และ แบตเตอรี่กึ่งแห้ง และตัวแบตฯมีรูระบายอากาศค่อนข้างเล็ก อาจอุดตันง่าย ส่งผลให้เกิดแรงดันภายในแบตเตอรี่ได้

  1. แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง หรือ แบต MF คือแบตเตอรี่ที่ยังมีรูให้สามารถเติมน้ำกลั่นได้ เป็นแบตฯที่ยังต้องดูแลอยู่เสมอ อาจไม่บ่อยเท่าแบตเตอรี่แบบน้ำ โดยหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากน้ำกรดในแบตเตอรี่กึ่งแห้งนั้นมีความเข้มข้นกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ ทำให้ระเหยได้ช้ากว่า

      ข้อดี : ไม่ต้องเช็กหรือเติมน้ำกลั่นบ่อยเหมือนแบตเตอรี่แบบน้ำ เพราะภายในมีการป้องกันการระเหยของน้ำกลั่นที่แน่นหนาพอสมควร

      ข้อเสีย : ถึงแม้จะไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย แต่ก็ต้องหมั่นตรวจเช็กอยู่เสมอ อายุการใช้งานอาจไม่นานเท่าแบตเตอรี่แบบน้ำ

  1. แบตเตอรี่ไฮบริด คือแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนามาจากแบตเตอรี่แบบน้ำ ภายในประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับแคลเซียม แบตฯประเภทนี้จะมีอัตราการระเหยของน้ำกลั่นน้อยกว่าแบตเตอรี่รุ่นธรรมดามาก แบตเตอรี่ไฮบริดมักใช้กับรถที่ใช้งานหนักๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือ รถรับจ้าง เป็นต้น

      ข้อดี : มีการระเหยของน้ำกลั่นน้อยกว่าแบตเตอรี่รุ่นธรรมดามาก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน

      ข้อเสีย : มีราคาที่สูงมาก มักใช้กับรถขนาดใหญ่

      การเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ให้เหมาะสม ควรขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ใช้รถ เช่น หากต้องการแบตเตอรี่ที่ทนทาน ราคาถูก แบตเตอรี่แบบน้ำตอบโจทย์ที่สุด  ส่วนผู้ใช้รถที่ไม่ค่อยมีเวลามาเช็กบ่อยๆ ไม่เกี่ยงราคา ก็เหมาะกับแบเตอรี่แบบแห้งเพราะไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ไฟไม่หมดแม้ไม่ค่อยได้ใช้รถ อาจต้องเสียเงินมากขึ้นเพื่อแลกกับความสะดวกสบาย

 

ลบโลโก้ฟิล์มกรองแสง

ลบโลโก้ฟิล์มกรองแสง ได้อย่างไร

ลบโลโก้ฟิล์มกรองแสงได้หรือไม่ลบได้อย่างไร

วิธีง่ายๆในการลบโลโก้ฟิล์มกรองแสง  ฟิล์มกรองแสงรุ่นใหม่ๆจะมีโลโก้ที่บ่งบอกถึงยี่ห้อฟิล์มของแต่ละรุ่นติดมาด้วย ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบหรือโลโก้อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่บดบังทัศนวิสัย  ก่อให้เกิดความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย วันนี้จึงมีวิธีลบโลโก้แบบง่ายๆมาฝากกัน


วิธีลบโลโก้ฟิล์มกรองแสงและสิ่งที่ต้องใช้มีง่ายๆดังนี้
เตรียมน้ำยาล้างเล็บหรือแอลกอฮอล์ล้างแผล(ในกรณีที่ไม่มีน้ำยาลบโลโก้โดยตรง)
ใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บหรือแอลกอฮอล์แล้วทำการเช็ดออก โดยเช็ดจากด้านในของตัวรถ เพราะฟิล์มจะติดตั้งจากด้านในของตัวรถ แค่นี้ก็สามารถลบโลโก้ฟิล์มได้แล้ว

อย่างไรก็ตามแนะนำว่าควรเหลือโลโก้ฟิล์มกรองแสงไว้อย่างน้อย 1 จุด เพื่อใช้ในการทำเคลมประกันในกรณีที่ฟิล์มมีปัญหา จะได้ทราบว่าฟิล์มของเดิมเป็นรุ่นไหนยี่ห้ออะไร

ข้อควรระวังในการลบโลโก้ฟิล์มกรองแสง
1.ห้ามลบโลโก้จนหมดทุกจุดควรเหลือไว้1จุด
2.ในกรณีที่เปลี่ยนฟิล์มกรองแสงใหม่ ควรทิ้งรถไว้ 3 วันก่อน เพื่อให้ฟิล์มเซตตัวได้เต็มที่และไม่เกิดปัญหาตามมาทีหลัง

มันง่ายมากๆเลยใช่ไหม อย่างไรก็ควรทำด้วยความระมัดระวังกันด้วยนะครับ